1

1
2

วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2552

กระบี่กระบอง

ความเป็นมาของกระบี่กระบอง

กระบี่ - กระบอง หมายถึง การแสดง การเล่น การฝึก การต่อสู้ป้องกันตัวด้วยอาวุธโบราณของไทยเราที่ใช้ต่อสู้ป้องกันตัว ป้องกันประเทศในสมัยก่อน โดยทำเลียนแบบอาวุธจริง เป็นไม้ โลหะ หนังสัตว์ เช่น ดาบ หอก ง้าว ดั้ง เขน โล่ เป็นต้น

ชาติไทยเป็นชนชาติที่มีการต่อสู้ ศึกสงครามเพื่อป้องกันประเทศ รักษาความเป็นเอกราชของแผ่นดินที่ยาวนานชนชาติหนึ่ง คนไทยในยุคแรก ๆ ที่เริ่มก่อตั้งแผ่นดินสุวรรณภูมิแหลมทองมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ บรรพบุรุษในยุคดังกล่าวได้อาศัยสติปัญญา ความกล้าหาญ และใช้อาวุธนานาชนิดที่มีอยู่ในท้องถิ่นและกองทัพเข้าต่อสู้ป้องกันมาโดยตลอด เริ่มจากกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และ กรุงรัตนโกสินทร์ ชาติไทยเป็นชาติที่รักสงบมากกว่าที่จะคิดเบียดเบียนใคร ความที่เป็นชาติที่รักสงบจึงมักถูกรังแกอยู่เรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผู้คนในชาติสมัยก่อนต้องดิ้นรนช่วยตัวเองทั้งชายและหญิง บรรดาทหารกล้าตลอดจนชาวบ้านต่างฝึกฝน เสาะหาเรียนวิชาฟันดาบ และการต่อสู้ด้วยอาวุธนานาชนิด จึงเกิดมีการฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำ จนถึงขั้นประลองฝีมือ
ในสมัยก่อน การประลองแบบแรกเป็นเรื่องจริงจังอาศัยหลักวิชาการต่อสู้เป็นหลัก จึงมีคนนิยมเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าประลองกับชาวต่างชาติ หรือชาวตะวันตกที่ใช้อาวุธของเขาเป็นหลักก็ยิ่งทำให้เป็นที่สนใจมากขึ้น (ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ยังมีการประลองมวย และการต่อสู้ด้วยอาวุธหน้าพระที่นั่งเหมือนกัน)
ผู้เรียบเรียงคิดว่าการประลองทั้งสองแบบส่วนใหญ่คงจะมีปะปนกัน เพราะแบบที่สองให้ความสนุกสนานในการชมควบคู่กันไป และแบบที่สอง นี้คงจะพัฒนาการเล่นการแสดง ทำเลียนแบบ นัดแนะลูกไม้ แต่ไม่มีอันตรายใด ๆ นอกจากบาดเจ็บเมื่อพลาดพลั้งบางครั้ง และมีคนนิยมดูมากขึ้น เมื่อถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น รัชกาลที่ 1 - 2 มักจะเรียกว่า การประลองดาบ การประลองหอก การประลองยิงธนู เป็นต้น และเรียกบรรดาผู้คนที่มีวิชาความรู้เรื่องฟันดาบว่า นักดาบ นำหน้าสำนักหรือหมู่บ้านชุมชนนั้น ๆ เช่น นักดาบจากบ้านบางระจัน นักดาบจากกรุงศรีอยุธยา นักดาบจากพุกาม ทหารจากพม่า ลาว เขมร แต่จะไม่มีใคร เรียกว่า นักกระบี่กระบอง เพราะคำว่า กระบี่ – กระบอง เกิดหลังรัชสมัยของรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์คำว่า กระบี่ – กระบอง มีคำกล่าวถึงที่มาของคำนี้อยู่หลายประการ แต่ยังมีเหตุผลที่น่าคิดและน่าเชื่อถือได้อีก ประการหนึ่ง กล่าวคือ
เรื่องรามเกียรติ์ กระบี่ หมายถึง หัวหน้าฝ่ายลิง(หนุมาน) ถือตรีหรือสามง่ามสั้น ๆ เป็นอาวุธ ลิงรูปร่างเล็กเคลื่อนไหวเร็ว แคล่วคล่องว่องไว ลูกน้องพลลิงทั้งหลายบางตัวก็ใช้พระขรรค์เป็นอาวุธ
กระบอง หมายถึง พวกยักษ์ที่พกกระบองเป็นอาวุธ ยักษ์มีรูปร่างใหญ่โต เคลื่อนไหวช้า เพราะฉะนั้นการจัดระเบียบเรียกแยกประเภท อาวุธที่ใช้แสดงต่อสู้ป้องกันตัวน่าจะมาจากการแยกฝ่ายยักษ์และลิง โดย ถือว่าลิงรูปร่างเล็กและผู้พากย์โขนมักเรียกขนานนามว่า ขุนกระบี่ ซึ่งหมายถึง หนุมานหัวหน้าลิง ซึ่งมีตรีหรือสามง่ามสั้นพกเป็นอาวุธประจำกาย และพลลิงตัวอื่น ๆ พกอาวุธสั้น เช่น พระขรรค์ เป็นต้น
ฉะนั้นคำว่า "กระบี่" จึงถูกนำมาเป็นคำเรียกแยกให้รู้ว่าอาวุธสั้นทั้ง หลายจะรวมเรียกว่า กระบี่ ซึ่งมี ดาบ โล่ ดั้ง เขน ไม้ศอกสั้น มีดสั้น พระขรรค์ เคียว ขวาน ตรี สามง่ามสั้น และ สีโหล่
“กระบอง" มาจาก ยักษ์ ที่ถือกระบองเป็นอาวุธยักษ์รูปร่างใหญ่โตและ การเคลื่อนไหวไม่ไวเท่าลิง อาวุธนี้จึงถูกจัดเรียกว่า กระบอง ไม่ว่าสั้นหรือยาวเป็นหัวหน้า ให้ความหมายรวมเป็นของยาวทั้งมวล ถ้าพูดตามความ จริงแล้วการเคลื่อนไหวการต่อสู้จะทำได้ดีซึ่งส่วนมากจะเป็นวงนอก ส่วนของสั้นจะทำได้ทั้งวงนอกและวงใน
ฉะนั้นคำว่า “กระบอง“ จึงถูกแยกเรียกเป็นที่รวมของอาวุธยาวที่ใช้แสดงทั้งหมด เช่น พลอง กระบอง ง้าวทุกชนิด โตมร ทวน หอก เป็นต้น
การเรียกกระบี่กระบองยังมีหลักฐานให้เห็นชัดในเรื่องอาวุธที่นิยมใช้แสดงและเล่นกัน คือ คู่ของไม้ศอกสั้นกับพลอง นั่นคือความหมายที่ถูกจัดให้เห็นว่า อาวุธสั้นคือลิง ผู้แสดงจะแสดงถึงหลักวิชาความคล่องแคล่วว่องไว ส่วนพลองหรือกระบองคือตัวแทนของยักษ์เป็นประเภทอาวุธยาว

ที่มา : http://th.wikipedia.org

รวบรวมวิทยาศาตร์ทั่วไปและอิสลาม





วันอังคาร, พฤศจิกายน 11, 2008
เลเซอร์ (laser)
ย่อมาจากคำว่า Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation ในทางฟิสิกส์ คือ อุปกรณ์ที่ให้กำเนิดลำแสง ที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่รวมกันระหว่างกลศาสตร์ควอนตัมกับอุณหพลศาสตร์ ซึ่งพลังงานแสงเลเซอร์ สามารถมีคุณสมบัติได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการออกแบบ เลเซอร์ส่วนมากจะเป็นลำแสงที่มีขนาดเล็ก มีการเบี่ยงเบนน้อย (low-divergence beam) และสามารถระบุความยาวคลื่นได้ง่าย โดยดูจากสีของเลเซอร์ ถ้าอยู่ในสเป็กตรัมที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (visible spectrum) ซึ่งเลเซอร์นี้อาจกล่าวได้ว่า เป็นการรวมพลังงานแสงที่ส่งออกมาจากหลายความยาวคลื่นเข้าด้วยกัน
เลเซอร์ จะหมายรวมไปถึงการให้พลังงานผ่านทางสื่อนำแสง ซึ่งสื่อนำแสงอาจเป็นได้ทั้งของแข็ง ของเหลว ก๊าซ หรืออิเล็กตรอนอิสระที่มีคุณสมบัติสามารถนำแสงได้ ในรูปแบบที่ง่ายที่สุด ออบติคอล คาวิตี้ (Optical cavity) จะประกอบไปด้วยกระจก 2 อัน ที่จะจัดเรียงแสงเข้าด้วยกันครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่แต่ละครั้งจะผ่านสื่อนำแสง โดนหนึ่งในกระจกนั้น (Output coupler) จะส่งลำแสงออกมา
ลำแสงเลเซอร์ ที่ผ่านทางสื่อนำแสงจะมีความยาวคลื่นเฉพาะ และมีพลังงานเพิ่ม ซึ่งกระจกนี้จะพยายามทำให้แสงส่วนมาก สามารถผ่านทางสื่อนำแสงให้ได้ และออกมาเป็นลำแสงเลเซอร์ กระบวนการเหนี่ยวนำลำแสงเพื่อเพิ่มพลังงานนี้ จะใช้พลังงานไฟฟ้าหรือแแสงในหลายความยาวคลื่น ซึ่งในการทดลองแต่ละครั้ง ความยาวคลื่นของแสงในแต่ละความยาวคลื่น จะส่งผลโดยตรงต่อคุณสมบัติ รูปร่าง และความยาวคลื่นของลำแสงเลเซอร์ที่สร้างออกมา
การค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับเลเซอร์ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 1960 โดย ทีโอดอร์ ไมแมน (Theodore Maiman) ที่สถาบันวิจัย ฮิวจ์ (Hughes Research Laboratories) ทุกวันนี้เลเซอร์กลายเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้หลายพันล้านดอนล่าร์ ผลผลิตจากงานวิจัยเลเซอร์ และกลายเป็นอุปกรณ์ที่มีใช้กันอย่างแพร่หลาย มีให้เห็นอย่างเช่น แผ่นดีวีดี แผ่นซีดี เครื่องเล่นดีวีดี เครื่องอ่านบาร์โค้ด อุปกรณ์ตัดโลหะด้วยเลเซอร์ ฯลฯ จะเห็นได้ว่าเลเซอร์มีการใช้กันอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์ ด้านอุตสาหกรรม ด้านการแพทย์ หรือแม้กระทั่งด้านการทหาร ก็เพราะว่าเลเซอร์สามารถควบคุมความยาวคลื่นตามที่ต้องการได้

เลเซอร์ เป็นบทความเกี่ยวกับ ฟิสิกส์ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้นข้อมูลเกี่ยวกับ เลเซอร์ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ หรือ ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:ฟิสิกส์
เขียนโดย sciencesamarddeeclub ที่ 8:29 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
LHC ไขความลับจักรวาลหรือหายนะของมวลมนุษย์
LHC ไขความลับจักรวาลหรือหายนะของมวลมนุษย์ หมวด » เทคโนโลยี » คอมพิวเตอร์
Subject: LHC ไขความลับจักรวาลหรือหายนะของมวลมนุษย์
ไม่รู้จะตรงหมวดอ่ะเปล่า เพราะหาหมวดเฉพาะไม่ได้อ่ะ เป็นเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ครับ
เป็นการทดลองที่จะทำการเดินเครื่องเต็มรูปแบบวันที่ 10 กันยายน นี้ครับ เวลาประมาณ 9 โมงเช้าของประเทศเขานั่นล่ะ
เห็นข่าว 3 มิติ ของช่อง 3 เอามาออก และได้รับข้อมูลมานิดหน่อย เลยเอามาแบ่งปันครับ ถ้ามันเกิดเหตุร้ายขึ้นจริงๆ ก็ขอให้คนไทยรักกันครับ



Large Hadron Collider (LHC) เป็นเครื่องเร่งความเร็วอนุภาค ของศูนย์วิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ มีลักษณะเป็นท่อใต้ดินวนเป็นวงกลมยาว 27 กิโลเมตร เป้าหมายของ LHC คือใช้ทดลองเร่งความเร็วอนุภาคแล้วเอามาวิ่งชนกัน เพื่อตรวจสอบทฤษฎีทางฟิสิกส์อนุภาคว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะ ซึ่งถ้าสร้างขึ้นมาได้จริงตามทฤษฎี วงการฟิสิกส์จะก้าวหน้าขึ้นไปอีกมาก LHC ตอนนี้กำลังสร้างอยู่และมีกำหนดเปิดใช้งานเดือนพฤษภาคมนี้(2008)
อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่คาใจเรื่องความปลอดภัยของ LHC ในหลายประเด็น เช่นว่า การใช้งาน LHC อาจก่อให้เกิดแบล็คโฮล (หลุมดำ)ขนาดเล็กขึ้นมาทำลายล้างโลก หรือเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กโลกให้เหลือข้างเดียวได้ ล่าสุดได้มีคนยื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐ ให้กระทรวงพลังงานสหรัฐและห้องทดลอง Fermilab ซึ่งเป็นภาคีสมาชิกของ LHC ชะลอการใช้งานไปอีก 4 เดือนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งทางฝ่ายสนับสนุน LHC เองก็ออกมาโต้แย้งว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นแต่อย่างใด ส่วนศาลจะรับฟ้องหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างกระบวนการด้านเอกสาร '

แม้นักฟิสิกส์ทั่วโลกจะใช้เวลาถึง 14 ปีและลงทุนไปกว่า 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสร้างเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) ที่ใหญ่สุดในโลก ภายใต้ความร่วมมือขององค์การศึกษาวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป 'เซิร์น' (Cern) เพื่อเร่งให้อนุภาคโปรตอนชนกัน แล้วสร้างพลังงานและเงื่อนไขที่เหมือนกับเสี้ยววินาทีที่ 1 ในล้านล้านล้านหลังเกิดบิกแบง (Big Bang) โดยนักวิทยาศาสตร์จะวิเคราะห์เศษซากที่เกิดขึ้น เพื่อไขปริศนาธรรมชาติของมวลและแรงใหม่ๆ รวมถึงความสมมาตรของธรรมชาติด้วย

หากแต่วอลเตอร์ แอล.วากเนอร์ (Walter L.Wagner) ผู้อาศัยอยู่ในมลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา และศึกษาวิจัยฟิสิกส์และรังสีคอสมิกที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ (University of California, Berkeley) ทั้งยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยนอร์เธิร์นแคลิฟอร์เนียในซาคราเมนโต (University of Northern California in Sacramento) และลูอิส ซานโช (Luis Sancho) ซึ่งระบุว่าทำวิจัยเกี่ยวกับทฤษฎีเวลาและอาศัยอยู่ในสเปน ได้ฟ้องต่อศาลฮาวายเพื่อเรียกร้องสิทธิให้ระงับการทดลองของเซิร์น เนื่องจากอาจทำให้เกิดหลุมดำขนาดเล็กที่อาจ 'กินโลก' หรือทำให้เกิดอนุภาคแปลกๆ ที่เปลี่ยนโลกให้หดกลายเป็นก้อนที่มีความหนาแน่นสูง

ทั้งนี้แม้จะฟังดูประหลาด แต่กรณีนี้ก็เป็นประเด็นเคร่งเครียดที่สร้างความวิตกให้กับนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ กล่าวคือพวกเขาจะประมาณความเสี่ยงจากการทดลองใต้ดินที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนนี้ได้อย่างไร และใครที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะหยุดหรือเดินหน้าการทดลอง

สรุปคือเครื่องเร่งอนุภาค เพื่อจะทำให้ตัว LHC ทำความเร็วไปแตะระดับความเร็วแสง เพื่อทำให้เกิดปรากฎการใหม่ที่มนุษยชาติไม่เคยมีไครทำและทำได้ ถ้าทำได้สำเร็จจริงจะเป็นผลแห่งความรู้ใหม่อันมหาศาลทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์โลก เอาแบบง่ายๆ ถ้าทำสำเร็จจะเป็นพื้นฐานของการทำเครื่อง Time Machine แต่ถ้าสำเร็จจริงผลเสียที่ตามมา ที่มีกลุ่มคนต่อต้านกันอยู่คือ มันเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก การประเมินผลเสียที่เกิดขึ้นเป็นแค่การสมมุติฐานและคำนวนตามทฤษฎีเท่านั้น จึงเป็นไปได้ทั้งสองทางคือ อาจจะเป็นผลที่ดีมาก หรือผลเสียมากต่อมนุษยชาติก็ได้ ดีก็ดีไปแต่ข้อเสียก็คือ การทำให้อะไรสักอย่างบนโลกใบนี้เร็วในระดับไปแตะก้นความเร็วแสงได้จริงมันอาจทำให้เกิดหลุมดำขนาดหนึ่งขึ้นมาได้ และอาจจะดูดกลืนทุกสิ่งบนโลกใบนี้ให้หายไปเลยก็ได้ครับ ทั้งผลร้ายและผลดีนั้น คำนวนตามทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์ทั้งนั้นครับ ซึ่งไม่เคยมีใครมีประสบการณ์ในการทดลองจริงได้สำเร็จ

ไม่ควรมองเป็นเรื่องไกลตัวนะครับ เพราะเรื่องนี้บอกว่าเรามาจากที่ไหนแล้วจะสิ้นสุดตรงไหนอีกอย่างการทดลองจะมีขึ้นเร็วๆนี้
ไม่แน่นะครับถ้าเกิดความผิดพลาดในการทดลองขึ้นจริงๆ เช่นทำให้แม่เหล็กของโลกเหลือขั้วเดียว รึอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่นอกเหนือการคำนวณ เราคงได้สนุกกันแน่ ตอนนี้ชะลอการใช้งานไปอีก 4 เดือนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย เดือนกันยาก็ได้มีลุ้นครับ
มีความกลัวไปต่างๆนานา ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่น่ากลัวคือมันจะสร้าง black hole ขึ้นบนโลก.... ดูดจ๊วบ...
ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าจะเจออะไร หรือไม่เจออะไรเลย
เราอาจจะตายกันหมด หรือตายกันซักค่อนโลก ยุโรปอาจจะหายไปจากแผนที่โลกเลยก็ได้
อยากทำอะไรก็ทำซะ จะบอกรักใครก็บอกซะ โชคดีคับ


โดย: ZeeOut
ตั้งเมื่อ: 01:52 น. 9 ก.ย. 2008
แท็ก: ซินโครตรอน, เครื่องเร่งอนุภาค
เขียนโดย sciencesamarddeeclub ที่ 8:25 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: slam
วิทยาศาสตร์กับอิสลาม


บุหรี่
ทรรศนะอิสลามกับสิ่งเสพติด ไม่มีตัวบทจากอัลกุรอานและอัลฮาดีษที่ชี้ขาดโดยตรงถึงเรื่องการ สูบบุหรี่ หรือการเสพ สิ่งเสพติด ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งต้องห้ามหรือเป็นสิ่งอนุญาต แต่หลังจากที่ทำการค้นคว้าพบว่าสิ่งที่อยู่ในบุหรี่คือ นิโคติน ซึ่งเป็น สารเสพติด ที่ก่อให้เกิดการมึนเมา ดังนั้นสิ่งที่ทำให้เกิดการมึนเมา ถึงแม้ว่าจะน้อยก็ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติ อิสลาม เพราะได้มีรายงานจากท่านอีหม่ามอะฮฺมัดและท่านอีหม่ามอบูดาวุดว่า عن أم سلمة رضي الله عنها قالت: (( نهى رسول الله صلى الله عليه وسلم عن كل مسكر ومفتر)) رواه الإمامان أحمد وأبو داود. ความว่า: รายงานจากพระนางอุมมุซาลามะฮฺ (รอฏิฯ) ซึ่งนางได้กล่าวว่า “ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ (ศ็อลฯ) ได้ห้ามจากทุก ๆ สิ่งที่ทำให้มึนเมาและขาดสติ” และในเรื่องนี้ มีนักนิติศาสตร์อิสลามหลายท่านที่ให้ทัศนะต่าง ๆ กันไป บางท่านให้ทัศนะว่าการสูบบุหรี่เป็นสิ่งมักโร๊ะไม่ใช่สิ่งต้องห้าม และผมเชื่อว่าผู้ที่ให้ทัศนะว่ามักโร๊ะนั้น อาจจะไม่รู้ถึงข้อแท้จริงในด้านของการแพทย์ และอาจจะไม่รู้ถึงสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสั่งใช้และสั่งห้ามในอัลกุรอานและอัลฮาดีษ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะยืนยันดังต่อไปนี้ 1-การสูบหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตนเองและผู้ที่อยู่รอบข้าง และยังเป็นอันตรายต่อครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจ และกฎบัญญัติอิสลามได้กล่าวไว้ว่า (التحريم يتبع الضرر) “ข้อห้ามจะติดตามอันตรายมา” ทุก ๆ สิ่งที่เป็นอันตรายต่อตนเอง ผู้อื่น และทรัพย์สิน ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะการสั่งห้ามนั้นเป็นการป้องกันจากอันตราย ดังนั้นการสูบบุหรี่จึงเป็นสิ่งต้องห้าม 2- ท่านอิบนุอับบาสได้รายงานว่าท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า (( لاضرر ولا ضرار )) ความว่า: “ไม่มีการสร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองและไม่มีการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น” ดังนั้นการสูบ บุหรี่ นั้นเป็นอันตรายกับตนเองและผู้อื่นด้วย และเนื่องจากอัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ) ทรงตรัสไว้ในซูเราะฮฺบากอเราะฮฺโองการที่ 195 ว่า ﴿وَلاَ تُلْقُوْا بِأَيْدِيْكُمْ إِلَى التَّهْلُكَةِ﴾ ความว่า: “และจงอย่าโยนตัวของพวกเจ้าสู่ความพินาศ” 3-การสูบบุหรี่เป็นการทำลายทรัพย์สิน และการทำลายทรัพย์เป็นสิ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติอิสลาม เพราะท่านอีหม่ามบุคอรีย์ได้รายงานว่า أنّ النبي محمدا صلى الله عليه وسلم قال: ((إنّ الله حرم عليكم إضاعة المال)) رواه البخارى. ความว่า: แท้จริงท่านนบีมูฮำมัด (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า “แท้จริงอัลลอฮฺทรงห้ามพวกท่านจากการทำลายทรัพย์สิน” ดังนั้นการซื้อบุหรี่ไม่เพียงเป็นการทำลายทรัพย์สิน แต่ยังเป็นการทำลายตนเองและผู้อื่นด้วย และในภพหน้า (วันกิยามะฮฺ) เขาจะถูกถามถึงเรื่องดังกล่าว เพราะได้มีรายงานมาจากท่านอีหม่ามตีรมีซีว่า عن الأسلمى أنّ رسول الله صلى الله عليه وسلم قال: ((لا تزول قدما عبد يوم القيامة حتى يسأل عن أربع: عن عمره فيم أفناه ، وعن علمه فيم فعل به ، وعن ماله من أين اكتسبه ، وفيم ضيعه ، وعن جسمه فيم أبلاه)) رواه الإمام الترمذى. ความว่า: รายงานจากท่านอัลอัสลามีว่า แท้จริงท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า “ในวันกิยามะฮฺสองเท้าของบ่าวยังคงก้าวต่อไป จนกระทั้งเขาได้ถูกถามถึงสี่เรื่อง (หนึ่ง) จากอายุของเขา อะไรที่ทำลายอายุของเขา? (สอง) จากความรู้ของเขา อะไรที่เขาได้ปฏิบัติด้วยกับความรู้นั้น? (สาม) จากทรัพย์สินของเขา จากที่ไหนที่เขาได้แสวงหาทรัพย์สินนั้นมา? และอะไรที่ทำให้ทรัพย์นั้นหมดไป? (สี่) จากร่างกายของเขา อะไรที่ได้มาทดสอบร่างกายของเขา” จากอัลฮาดีษนี้ทำให้เราเข้าใจได้ว่าในภพหน้า (วันกิยามะฮฺ) อัลลอฮฺ(ซุบฮาฯ)จะทรงถามบ่าวของพระองค์ถึงสี่เรื่อง คือ 1-อายุ ด้วยกับคำถามที่ว่า ตายด้วยสาเหตุอะไร? 2-ความรู้ ด้วยกับคำถามที่ว่า นำความรู้ที่ได้มาปฏิบัติหรือไม่ และปฏิบัติอย่างไร? 3-ทรัพย์สิน ด้วยกับคำถามที่ว่า ได้ทรัพย์สินมาด้วยวิธีใด? และใช้จ่ายไปในเรื่องอะไรบ้าง? 4-ร่างกาย ด้วยกับคำถามที่ว่า ได้ถูกทดสอบอย่างไรบ้าง ในขณะมีชีวิตอยู่? 4-บุหรี่ ถือว่าเป็น ยาพิษ ชนิดหนึ่งที่บันทอนชีวิตมนุษย์ทีละน้อย ๆ จนท้ายที่สุดก็เริ่มมีอาการที่เห็นได้ชัด อิสลามได้สัญญาแก่ทุก ๆ คนที่ดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย ด้วยกับวจนะของท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) ที่ว่า ((من شرب سما فـقتل نفسه فهو يتحساه في نار جهنم خالد مخلدا فيها)) ความว่า: “ผู้ใดที่ดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย แน่นอนเขาจะได้ลิ้มรสของพิษดังกล่าวในนรกยะฮันนัมตลาดกาล” 5-กลิ่นของบุหรี่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น จำเป็นที่เราจะต้องปลีกตัวออกห่างและไม่ให้เข้าไปป่นแปกับผู้สูบบุหรี่ เพราะการสูดกลิ่นบุหรี่นั้นเป็นการทำลายสุขภาพร่างกาย ท่านอีหม่ามบุคอรีย์และท่านอีหม่ามมุสลิมได้รายงานามาว่าท่านร่อซู้ลได้กล่าวไว้ว่า ((من أكل بصلا أو ثوما فليعتزلنا وليعتزل مسجدنا وليقعد في بيته)) ความว่า: “ผู้ใดกินหัวหอมหรือกระเทียม จงปลีกตัวออกห่างจากเรา และจงปลีกตัวออกห่างจากมัสยิดของเรา และจงเข้าไปนั่งในบ้านของเขา” กลิ่นของบุหรี่มักโร๊ะฮฺและเป็นอันตรายไม่น้อยไปกว่ากลิ่นของหัวหอมและกระเทียมเลย และได้มีรายงานจากวจนะของท่านร่อซู้ลที่ว่า ((إنّ الملائكة تتأذى مما يتأذى منه الناس)) ความว่า: “แท้จริงมลาอีกะฮฺจะได้รับความเดือดร้อนจากสิ่งที่มนุษย์ได้รับความเดือดร้อน” 6-เมื่อผู้เสพบุหรี่สงสัยว่าการสูบบุหรี่เป็นเรื่องที่อิสลามห้ามหรือไม่ ก็จงทำความเข้าใจกับวจนะของท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) นี้ ((دع ما يريبك إلى ما لا يريبك)) ความว่า: “ท่านจงละทิ้งสิ่งที่ทำให้ท่านสงสัย (โดยมุ้งปฏิบัติ) ไปยังสิ่งที่ไม่ทำให้ท่านสงสัย” ท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) ได้สั่งให้เรามุสลิมออกห่างจากสิ่งที่คลุมเครือ โดยให้ละทิ้งสิ่งดังกล่าวและให้เลือกปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ทำให้เราเกิดความสงสัย 7-กระทรวงสาธารณะสุขโลก ได้ลงมติว่า นิโคตินที่อยู่ใน ยาเส้น เป็นสารที่ทำให้เกิดการมึนเมา และทุก ๆ สิ่งที่ทำให้เกิดการมึนเมาเป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลาม ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะเล็กน้อยไม่ทำให้เกิดการมึนเมาก็ตาม แต่เมื่อเสพเข้าไปมาก ๆ จะทำให้เกิดการมึนเมา จากเจ็ดสาเหตุนี้ จึงตัดสินได้ว่าการสูบบุหรี่หรือสิ่งเสพติดอื่น ๆ เป็นสิ่งต้องห้ามตาม บทบัญญัติอิสลาม ไม่ใช้สิ่งมักโร๊ะฮฺ เพราะในแต่ละสาเหตุจากสาเหตุทั้งเจ็ดนี้ถูกอ้างอิงไปยังอัลกุรอานและอัลฮาดีษซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตาม.
หมวดหมู่: วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีคำสำคัญ: บุหรี่ ห้าม อิสลาม
สร้าง: จ. 18 ก.พ. 2551 @ 20:38 แก้ไข: จ. 18 ก.พ. 2551 @ 20:38 ขนาด: 14586 ไบต์
เขียนโดย sciencesamarddeeclub ที่ 7:38 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: สลาม
วันเสาร์, พฤศจิกายน 8, 2008
เรื่องใกล้ตัว
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน
๑. รู้ไหมว่านมเปรี้ยวและโยเกิร์ตใช้จุลินทรีย์เพิ่มรสชาติ
๒. เหล้า เบียร์ ไวน์ สาโท ขนมปัง ใช้ยีสต์ในการหมัก
๓. เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว เต้าหู้ยี้ ทำมาจากเชื้อรา
๔. สาร DHA เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสมอง
๕. สารคาร์นีทีนที่พบในผลส้มแขก ช่วยสลายไขมันได้
๖. กรดจากน้ำมะนาวสามารถกำจัดคราบไขมันได้
๗. การแช่อาหารในน้ำมันพืชช่วยป้องกันไม่ให้อาหารเสีย
๘. ผลไม้ ผัก หรือของดอง กิมจิ เกิดจากแบคทีเรีย
๙. การซักผ้าด้วยน้ำอุ่นจะช่วยกำจัดคราบได้ดี
๑๐. โคเอนไซม์ Q10 ช่วยทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น
๑๑. ถ้ากินยาปฏิชีวนะมาก ๆ อาจจะขาดวิตามิน K, B12
๑๒. ไข้หวัดนกเกิดจากเชื้อไวรัสตระกูลเดียวกับเอดส์
๑๓. สบู่ทำมาจากไขมันซึ่งทำปฏิกิริยากับเบส
๑๔. การนอนขนานกับพื้นช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวก
๑๕. คนเป็นโรคเอดส์มักตายเพราะโรคแทรกซ้อน
๑๖. ในผงซักฟอกมีสารพวกฟอสฟอรัสที่พืชน้ำต้องการ
๑๗. คราบน้ำมันที่ผิวน้ำจะทำให้ O2 ไม่ละลายลงในน้ำ
๑๘. บ้านมักจะหันไปในแนวทิศทางที่มีลมพัดผ่าน
๑๙. การทุ่มลูกบอลได้ไกลไม่จำเป็นต้องทำมุม 45 องศา
๒๐. ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองมีคุณค่าทางโปรตีนสูงมาก
๒๑. ปัจจุบันนอกจากมีโด๊ปยาแล้ว ยังมีการโด๊ปยีนด้วย
๒๒. คาร์บอนนาโนทิวแข็งแรงกว่าใยแมงมุม และเพชร
๒๓. โรคกระเพาะเรื้อรังเกิดจากเชื้อแบคทีเรียทนกรดสูง
๒๔. ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการกลายพันธุ์มากที่สุด
๒๕. อากาศอบอ้าวก่อนฝนตกเกิดจากคายความร้อน
๒๖. ฝ้าแลบแต่ไม่มีฟ้าร้อง เกิดจากการสะท้อนกลับหมดของเสียง






การทำงานของร่างกาย











นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้วิจัยและค้นคว้าร่างกายของมนุษย์เราว่า ทำอะไรบ้างในแต่ละชั่วโมง

01.00 น. คนส่วนใหญ่จะนอนหลับ ร่างกายจะมีความรู้สึกไวต่อความเจ็บปวดมาก
02.00 น. นอกจากตับแล้ว ส่วนต่างๆ ของร่างกายจะเคลื่อนไหวช้ามาก
03.00 น. ร่างกายทั้งหมดจะพักผ่อน กล้ามเนื้อจะผ่อนคลาย ความดันจะต่ำ ชีพจรจะเต้นช้า การหายใจก็จะช้า
04.00 น. สมองได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงน้อยมาก ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ตายไปในระยะเวลานี้
05.00 น. ไตจะไม่ทำหน้าที่กรอง เนื่องจากเราได้พักผ่อนมาระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น ในเวลาตื่นนอนอารมณ์จะรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ
06.00 น. ความดันเลือดจะสูงขึ้น หัวใจจะเต้นเร็วขึ้น
07.00 น. ภูมิต้านทานโรคในช่วงนี้จะดีมาก เพราะร่างกายได้พักผ่อนมาแล้ว
08.00 น. ตับจะทำหน้าที่ขับพิษออกจากร่างกาย ในช่วงนี้ไม่ควรดื่มสุรา
09.00 น. จิตใจ อารมณ์ การทำงานจะดีมากในช่วงนี้
10.00 น. เป็นช่วงที่ร่างกายและสุขภาพจะดีมาก เหมาะที่จะทำงาน
11.00 น. เป็นช่วงที่ขยันขันแข็งในการทำงาน ร่างกายยังไม่อ่อนเพลีย
12.00 น. ช่วงตอนที่จะหยุดงาน ทางที่ดีที่สุดอย่าเพิ่งรับประทานอาหาร ควรจะรอช้ากว่าไปอีกสักหน่อย แล้วทานเอาช่วงเวลาประมาณ 12.30 หรือ 13.00 น. ก็จะดี
13.00 น. ตับจะพักผ่อน เนื่องจากเวลาการทำงานที่ดีได้ผ่านไปแล้ว ร่างกายในช่วงนี้จะเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย
14.00 น. เป็นช่วงระยะเวลาที่ร่างกายรู้สึกอืดอาด เชื่องช้าที่สุดในระยะหนึ่งของแต่ละวัน
15.00 น. ระบบต่างๆ ของร่างกายจะมีปฏิกิริยาที่ไวมาก สมรรถภาพของพละกำลังเริ่มฟื้นฟูขึ้น
16.00 น. ในกระแสเลือด จะมีน้ำตาลเพิ่มขึ้น แต่ก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว
17.00 น. สมรรถภาพในการทำงานจะเพิ่มขึ้น จะเห็นได้จากนักกีฬาที่ออกกำลังกาย จะมีเรี่ยวแรงเพิ่มมากขึ้น
18.00 น. ความรู้สึกต่ออาการเจ็บปวดจะลดน้อยลง ขอให้เพิ่มการออกกำลังกาย
19.00 น. ความดันของเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น อารมณ์จะไม่ค่อยดีนัก มักจะเกิดปากเสียงขึ้นได้ด้วยสาเหตุเล็กๆน้อยๆ
20.00 น. น้ำหนักตัวจะรู้สึกเพิ่มมากขึ้น สะท้อนออกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว
21.00 น. อารมณ์จะกลับเข้าสู่สภาพปกติ ความจำจะดีขึ้น สามารถคิดสิ่งต่างๆ ออกได้
22.00 น. ในกระแสโลหิต จะเต็มไปด้วยเม็ดเลือดขาว อุณหภูมิในร่างกายจะลดต่ำลง
23.00 น. ร่างกายตระเตรียมพักผ่อน เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ที่สึกหรอ
24.00 น. เข้าสู่ชั่วโมงแห่งการหลับไหล




ได้รับการสนับสนุน Web Hosting จาก SPAComputer.com, ThaWang.com
เขียนโดย sciencesamarddeeclub ที่ 12:40 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: อัสสลามูอาลัยกุม
วันศุกร์, พฤศจิกายน 7, 2008
วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน

น้ำที่ใส่ตุ่มไว้นานๆ อาจทำให้เกิดลูกน้ำได้ วิธีแก้ไม่ให้เกิดลูกน้ำ ให้เอาปูนแดง ที่ใช้กินกับหมาก ปั้นเป็นก้อนกลม และตากแดดให้แห้ง หลังจากนั้นจึงนำไปใส่ในตุ่มสัก 4-5 ก้อน น้ำในตุ่มจะไม่เป็นลูกน้ำอีกเลย ตู้เสื้อผ้าที่ทำด้วยไม้ มักจะถูกพวกแมลงต่างๆ มารบกวน เพื่อป้องกันความ ยุ่งยาก จากแมลงเหล่านี้ ใช้ผ้าขี้ริ้วชุบน้ำมันสน รองพื้นตู้ที่ติดกับพื้นห้องเอาไว้โดยรอบ จะทำให้แมลงหนีไป ใช้ยาสีฟันขัดเครื่องใช้ที่ทำด้วยแสตนเลส เช่น ช้อนส้อม ชาม จาน โดยเฉพาะ บริเวณลวดลาย ที่ด้ามช้อนส้อม จะช่วยให้สะอาดขึ้น ก้านดอกไม้สั้น ให้ใช้หลอดดูดน้ำหวานเสียบต่อจากปลายก้าน แช่ในน้ำ จัดใส่ แจกันเหมือนดอกไม้ ก้านยาว ดอกไม้จะดูดน้ำขึ้นไปตามหลอดดูด ใช้น้ำสารส้มผสมกับเบียร์ทากระจกที่มัวเป็นฝ้า แล้วขัดด้วยกระดาษ หนังสือพิมพ์ กระจกจะใสเป็นเงา แปรงทุกชนิด เมื่อใช้แล้วควรวางตะแคงข้าง หรือแขวนห้อย อย่าวางหงาย เพราะขนแปรงจะร่วงเร็ว ชามหล่อขาตู้น้ำกับข้าว ควรหยดน้ำมันก๊าด หรือน้ำมันขี้โล้เล็กน้อย จะกันยุง แมลง และมด ไต่บนผิวน้ำ ไปขึ้นตู้กับข้าว รอยสนิมบนเสื้อผ้า สามารถลบออกได้ โดยใช้เกลือผสมน้ำมะนาว ถูทาก่อน ซักน้ำธรรมดา แล้วนำไปตาก ให้แห้งกลางแดด ถ้าประตูฝืด มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แทนที่จะใช้น้ำมันหยด ให้ใช้น้ำสบู่เหลวๆ หยดลงบนบานพับ ความฝืดก็จะหายไป และสามารถล้างให้สะอาดได้ง่ายกว่าน้ำมัน ถ้าล้างแก้วน้ำแล้ว ไม่สะอาดสมใจ ให้ใช้น้ำส้มสายชูล้างอีกครั้ง จะทำให้ แก้วใสขึ้น
เขียนโดย sciencesamarddeeclub ที่ 10:31 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: สลาม
ดาราศาสตร์
สำรวจดาวฤกษ์วงแหวนสามชั้น
7 พฤศจิกายน 2551 รายงานโดย: วิมุติ วสะหลาย (wimut@hotmail.com)
ดาวเอปไซลอนแม่น้ำ (Epsilon Eridani) เป็นดาวฤกษ์ที่นักดาราศาสตร์คุ้นเคยดี เนื่องจากอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เพียง 10.5 ปีแสง มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จัดเป็นดาวฤกษ์ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดเป็นอันดับที่ 9
นักดาราศาสตร์ให้ความสนใจดาวดวงนี้เนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายดวงอาทิตย์ ดาวเอปไซลอนแม่น้ำเล็กกว่า มวลต่ำกว่า และอุณหภูมิต่ำกว่าดวงอาทิตย์เล็กน้อย คาดว่ามีอายุประมาณ 850 ล้านปี และที่สำคัญ มีระบบดาวเคราะห์เป็นบริวารด้วย นั่นคือมีระบบสุริยะเป็นของตัวเอง
การที่ดาวเอปไซลอนแม่น้ำมีลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์และมีอายุน้อยกว่าดวงอาทิตย ์ทำให้การศึกษาดาวดวงนี้เปรียบเหมือนกับการมองย้อนไปยังอดีตของดวงอาทิตย์ นักดาราศาสตร์สามารถศึกษาต้นกำเนิดและวิวัฒนาการช่วงต้นของระบบสุริยะของเราได้จากการศึกษาดาวเอปไซลอนแม่น้ำนี้
รายงานล่าสุดจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ของนาซาเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้ระบุว่านักดาราศาสตร์เพิ่งพบความคล้ายดวงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือพบว่าดาวดวงนี้มีแถบดาวเคราะห์น้อยล้อมรอบด้วย มีระยะวงโคจรห่างจากดาวแม่เท่ากับแถบดาวเคราะห์น้อยของดวงอาทิตย์พอดี
ระบบสุริยะของเราก็มีแถบดาวเคราะห์น้อยคั่นอยู่ระหว่างวงโคจรของดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ประกอบด้วยดาวเคราะห์น้อยจำนวนนับล้าน มวลรวมของดาวเคราะห์น้อยในแถบนี้มีประมาณ 1/20 เท่าของดวงจันทร์โลก
สปิตเซอร์ไมได้พบแถบดาวเคราะห์น้อยแค่แถบเดียว แต่พบถึงสองแถบ แถบดาวเคราะห์น้อยแถบที่สองอยู่ที่ระยะของวงโคจรของดาวยูเรนัส มีมวลรวมใกล้เคียงกับดวงจันทร์ของโลก
เท่านั้นยังไม่พอ สปิตเซอร์ยังพบสิ่งคล้ายแถบดาวเคราะห์น้อยอีกแถบหนึ่งแต่ประกอบด้วยวัตถุจำพวกน้ำแข็งอยู่ที่ระยะ 35-100 หน่วยดาราศาสตร์จากดาวแม่ แถบวัตถุน้ำแข็งนี้คล้ายกับแถบไคเปอร์ของระบบสุริยะของเรา แต่แถบนอกของเอปไซลอนแม่น้ำมีมวลรวมของวัตถุมากกว่าแถบไคเปอร์ของเราถึง 100 เท่า
นักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณไว้ว่า ขณะที่ดวงอาทิตย์ยังมีอายุได้ 850 ล้านปี แถบไคเปอร์ของดวงอาทิตย์ก็ไม่ต่างจากแถบนอกของเอปไซลอนแม่น้ำนี้ ต่อมาวัตถุในแถบไคเปอร์บางส่วนก็กระเด็นออกไป บางส่วนก็หลุดเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน ทำให้เกิดยุคชนกระหน่ำยุคหลัง ซึ่งได้ที่ทิ้งหลักฐานไว้อย่างชัดเจนบนพื้นผิวของดวงจันทร์ เชื่อว่าอนาคตอันใกล้ของดาวเอปไซลอนแม่น้ำก็คงเกิดเหตุการณ์ที่ดำเนินไปในลักษณะเดียวกัน
ดาวเอปไซลอนแม่น้ำจึงเป็นดาวฤกษ์ที่มีวงแหวนถึงสามวง ช่องว่างระหว่างวงแหวนเป็นหลักฐานที่ดีเยี่ยมที่แสดงถึงการกวาดเซาะโดยดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่ เช่นเดียวกับสิ่งที่ดวงจันทร์ของดาวเสาร์กระทำต่อวงแหวนดาวเสาร์
ข้อมูลจากสปิตเซอร์นี้แสดงว่าต้องมีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีวงโคจรใกล้กับวงแหวนชั้นในสุด ซึ่งเป็นเรื่องเหมาะเจาะอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2543 ได้มีการศึกษาการเคลื่อนที่ตามแนวเล็งของเอปไซลอนแม่น้ำและพบหลักฐานว่าดาวดวงนี้มีดาวเคราะห์อยู่ที่ตำแหน่งเดียวกัน
แต่ในความสอดคล้องนี้ก็มีความขัดแย้งตามมาด้วย การศึกษาในคราวนั้นชี้ว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีวงโคจรรีมาก มีความรีประมาณ 0.7 แต่การสำรวจล่าสุดนี้กลับให้ผลไม่สอดคล้องกัน เพราะหากมีดาวเคราะห์โคจรแบบรีนั้นที่ตำแหน่งดังกล่าวจริง สนามความโน้มถ่วงของมันย่อมไปปั่นป่วนวงแหวนวงในจนสลายไปนานแล้ว
ดาวเคราะห์ดวงที่สองโคจรอยู่ใกล้วงแหวนวงกลาง และดาวเคราะห์ดวงที่สามอยู่ห่างจากดาวฤกษ์ 35 หน่วยดาราศาสตร์ ใกล้กับขอบด้านในของแถบไคเปอร์ของเอปไซลอนแม่น้ำ
เป็นไปได้ว่าการสำรวจในอนาคตอาจก้าวหน้าถึงขั้นตรวจพบดาวเคราะห์ที่ยังมองไม่เห็นของเอปไซลอนแม่น้ำได้โดยตรง และอาจถึงขั้นตรวจพบดาวเคราะห์หินที่โคจรอยู่ในวงแหวนชั้นในได้เลยก็เป็นได้
ที่มา:
This nearby star is a triple-ring system - astronomy.com
เขียนโดย sciencesamarddeeclub ที่ 10:18 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: สวัสดี
ประวัติบารก โอบาม่า
พลิกปูมประวัติ"บารัก โอบามา"ปธน.ผิวสีคนแรกของสหรัฐ
สร้างประวัติศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยสำหรับบารัก โอบามา นักการเมืองผิวสีผู้จรัสแสงของสหรัฐ หลังจากชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี เหนือ"สิงห์เฒ่า"จอห์น แม็คเคน คู่แข่งแห่งพรรครีพับลิกัน ผงาดเป็นผู้นำทำเนียบขาว ด้วยฉันทามติจากคะแนนเลือกตั้งท่วมท้นของชาวอเมริกัน ที่แห่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางกระแสจับตาว่า ที่สุดแล้ว บารัก โอบาม่า จะทำสิ่งที่หลายคนทั่วโลกลุ้นเอาใจช่วยได้สำเร็จหรือไม่ ในการคว้าชัยเป็นประธานาธิบดี"ผิวดำ"คนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐ ประวัติของนายบารัก โอบาม่า นั้น เกิดวันที่ 4 ส.ค.ปี 1961 ถือเป็นวุฒิสมาชิกหนุ่มไฟแรงแห่งสภาคองเกรส จากรัฐอิลลินอยส์ เขาเป็นชาวอเมริกัน-แอฟริกา คนแรก ที่ได้ถูกเสนอชื่อจากพรรคการเมืองใหญ่ของสหรัญ(เดโมแครต)เสนอชื่อแข่งขันศึกประธานาธิบดีสหรัฐ โดยสามารถสร้างปรากฎการณ์เหลือเชื่อ พลิกชนะนางฮิลลารี คลินตัน วุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์ก ซึ่งถูกมองว่ามีดีกรีการเมืองเหนือชั้นกว่า ก่อนผงาดกลายเป็นนักการเมืองผิวสีที่ได้เข้าสู่เส้นทางชิงชัยศึกผู้นำทำเนียบขาวเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สหรัฐ ทำให้อเมริกาทั่วประเทศและทั่วโลกจับตามองเขาอย่างไม่วางสายตานับตั้งแต่นั้น "โอบามา"จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และโรงเรียนกฎหมายฮาร์วาร์ด เริ่มแรกเขาทำงานเป็นผู้จัดงานชุมชนและประกอบอาชีพเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ก่อนดำรงตำแหน่งเป็นวุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ 3 สมัย ตั้งแต่ปี 1997-2004 โดยเขาสอนกฎหมายด้านรัฐธรรมนูญที่มหาวิทยาลัยโรงเรียนกฎหมายชิคาโก ตั้งแต่ปี 1992-2004 ในฐานะเป็นสมาชิกสภาคองเกรส โอบามามีโอกาสได้ร่วมร่างกฎหมายควบคุมอาวุธขีปนาวุธ และสนับสนุนความสามารถในการตรวจสอบของสาธารณชนต่อการใช้งบประมาณรัฐบาลกลาง และครั้งหนึ่งเคยช่วยร่างกฎหมายเกี่ยวกับการต่อต้านการโกงการเลือกตั้งและการล็อบบี้,กม.ด้านอุณหภูมิโลกเปลี่ยนแปลง,ลัทธิก่อการร้ายใช้อาวุธนิวเคลียร์ และกม.ดูแลทหารอเมริกันที่กลับจากสมรภูมิรบ ขณะเดียวกัน ก็เคยมีประสบการณ์เดินทางเยือนต่างประเทศหลายประเทศ เช่น ภูมิภาคยุโรปตะวันออก,ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ในปี 2003 โอบามาา ได้กลายเป็นประธานคณะกรรมาธิการด้านสุขภาพและบริการสาธารณชนของสภาสูงประจำรัฐอิลลินอยส์ ในยุคที่พรรคเดโมแครตสามารถผงาดขึ้นมาเป็นพรรคเสียงส่วนใหญ่ของคองเกรส เขาได้สนับสนุนและนำการผ่านกฎหมายตรวจสอบการจัดทำข้อมูลด้านเชื้อผิว ซึ่งทำให้คำร้องต้องบันทึกเชื้อผิวของผู้ขับขี่ที่ถูกควบคุม และออกกฎหมายที่ทำให้รัฐอิลลินอยส์กลายเป็นรัฐแรกที่ให้ฉันทานุมัติต่อการบันทึกเทปเกี่ยวกับการตรวจสอบคดีฆาตกรรม ในปี 2004 โอบาม่าได้เขียนและขึ้นแถลงปราศรัยต่อที่ประชุมแห่งชาติพรรคเดโมแครตเป็นครั้งแรก โดยโอบาม่าซึ่งได้บรรยายว่าปู่ของเขาเป็นอดีตทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงความสำคัญต่าง ๆ ด้านสังคมและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งตั้งคำถามต่อรัฐบาลประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เกี่ยวกับสงครามอิรัก และและมุ่งเน้นเกี่ยวกับพันธะผูกพันต่อทหารอเมริกันที่ออกไปรบนอกประเทศ
นอกจากนี้ เขายังได้วิจารณ์แง่มุมเกี่ยวกับคณะกรรมการเลือกตั้งที่ไม่เป็นกลาง และตั้งคำถามต่อชาวอเมริกันให้ลองค้นหาความสมัครสมานสามัคคีในความแตกต่างของสังคมอเมริกัน โดยระบุว่า"ที่นี่ไม่มีอเมริกาสายกลาง และอเมริกาสายอนุรักษ์ มีแต่เพียงอเมริกาที่เป็นสหพันธรัฐของทุกคน ประโยคดังกล่าวกลายเป็นวรรคทองของเขา ส่งผลให้สื่อมวลชนจับตานักการเมืองหนุ่มไฟแรงผู้นี้ขึ้นมาโดยทันที โดยสื่อมวลชนตีข่าวถ้อยแถลงเผ็ดร้อนตรงไปตรงมาดังกล่าว และส่งผลให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองของสหรัฐเพียงชั่วพริบตา และยังเพิ่มภาษีในการต่ออายุเป็นวุฒิสมาชิกประจำสภาคองเกรสสมัยถัดมาด้วย เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2007 เป็นวันที่วุฒิสมาชิกผิวสีผู้นี้ ได้ประกาศเป็นผู้สมัครตัวแทนพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่รัฐอิลลินอยส์บ้านเกิดของเขา โดยเขาเลือกสถานที่ประกาศตัวคืออาคารสภาเก่าในเมืองสปริงฟิลด์ของรัฐอิลลินอยส์ ที่มีความหมายเชิงสัญญลักษณ์ของการเป็นนักการเมืองผิวสีที่หาญกล้าประกาศตัวเป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาว เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเคยถูกอดีตประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอร์น ประกาศแถลงสุนทรพจน์อมตะ"บ้านที่แตกแยก"มาแล้วเมื่อปี 1858 โดยตลอดการหาเสียง เขาได้เน้นประเด็นหาเสียงเรื่องการเร่งถอนทหารสหรัฐออกจากอิรัก การเพิ่มการพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน การกระจายระบบสาธารณสุข ซึ่งถือเป็นนโยบายหาเสียงหลักของเขา ในการรณรงค์หาเสียงนั้น ปรากฎว่า โอบามา สามารถระดมทุนได้เงินถึง 58 ล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2007 จากเงินบริจาคจำนวนเล็ก ๆ น้อย ๆ"จากหลายฝ่าย สร้างถสิติระดมทุนได้มากเป็นประวัติการรณ์ในช่วง 6 เดือนแรกก่อนการเลือกตั้ง โดยในเดือนม.ค.ปี 2008 เขายังสามารถระดมทุนได้มากเป็นประวัติการณ์เพียงช่วงเดือนเดียวของพรรคเดโมแครต คือ เป็นจำนวน 36.8 ล้านดอลลาร์ ในการแข่งขันกับฮิลลารี ปรากฎว่านายโอบามาได้สร้างปรากฎการณ์"ล้มยักษ์"ขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน โดยเขาสามารถหาเสียงชนะนางฮิลลารีในรัฐต่างๆ โดยเฉพาะศึกซูเปอร์ทิวส์เดย์ ซึ่งเขามีคะแนนคณะกรรมการเลือกตั้งมากกว่านางฮิลลารี 20 เสียง พร้อมกับยังคงเดินหน้าทำสถิติระดมทุนได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และชัยชนะอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.โดยเขาได้ประกาศแถลงชัยชนะที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมินเนโซต้า กลายเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ชิงศึกผู้นำทำเนียบขาว กับนายจอห์น แม็คเคน วุฒิสมาชิกรัฐอริโซน่า ที่เป็นผู้ชนะขาดลอยของพรรครีพับลิกัน และได้เลือกนายโจเซฟ ไบเด็น วุฒิสมาชิกรัฐเดลาแวร์ ซึ่งมีประสบการณ์โชกโชนด้านต่างประเทศ มาเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เขา ทั้งนี้ นายโอบามายังมีงานเขียนเป็นจำนวน 8 ชิ้น รวมทั้งหนังสือล่าสุดเรื่อง"Change We Can Believe In: Barack Obama′s Plan to Renew America′s Promise ด้วย ด้านประวัติชีวิตส่วนตัวนั้น โอบามา ถือกำเนิดที่เมืองฮอนโนลูลู รัฐฮาวาย เป็นบุตรของนายบารัก ฮุสเซน โอบามา ชาวเคนยา และนางแอนดันแฮม ชาวอเมริกันผิวขาว จากรัฐแคนซัส ก่อนที่เขาจะเผชิญชีวิตครอบครัวหย่าร้างเมื่ออายุเพียง 2 ปี โดยพ่อของเขากลับไปยังเคนยา ก่อนจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปี 1982 เขาได้รับการเลี้ยงดูในรัฐฮาวาย ก่อนถูกย้ายไปอยู่ในอินโดนีเซีย เมื่ออายุ 6 ปี เมื่อมารดาของเขาแต่งงานใหม่กับชาวอินโดนีเซีย ก่อนที่ภายหลังเขาจะต้องสูญเสียบิดาจากอุบัติเหตุรถยนต์ และสูญเสียมารดาจากโรคมะเร็ง ในวัยรุ่นช่วงศึกษาในร.ร.ไฮสคูล โอบามา ยอมรับว่า เขาเคยผ่านประสบการณ์การใช้กัญชา,โคเคน และดื่มมากแล้ว ซึ่งเขาได้กล่าวในการประชุมหัวข้อด้านประธานาธิบดีเมื่อปี 2008 ว่า นั่นเป็นความผิดพลาดทางจริยธรรมครั้งใหญ่ของเขา นายโอบามาสมรสกับนางมิเชล โอบามา หรือมิเชล โรบินสันเมื่อเดือนมิ.ย.ปี 1989 ในขณะที่เขาทำงานเป็นที่ปรึกษาของกิจการกฎหมายเมืองชิคาโก้ โดยโอบามาและมิเชล ได้ทำงานร่วมกันในฐานะคณะทำงานเดียวกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะหมั้นเมื่อปี 1991 และแต่งงานเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ปี 1992 และมีทายาทร่วมกัน 2 คน คือ มาเรีย แอน เกิดเมื่อปี 1998 และนาตาชา เมื่อปี 2001 สำหรับทรัพย์สินนั้น นิตยสาร"Money"ระบุเมื่อเดือนธ.ค.ปี 2007 ว่า โอบามา มีทรัพย์สินเฉลี่ย 1.3 ล้านดอลลาร์ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายหนังสือของเขา ขณะที่รายได้ครอบครัวมีจำนวน 4.2 ล้านดอลลาร์
ดูเต็ม
เขียนโดย sciencesamarddeeclub ที่ 10:15 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: สวัสดี
บทความที่เก่ากว่า สมัครสมาชิก: บทความ (Atom)