1

1
2

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วัฒนธรรมการทักทาย


วัฒนธรรมการทักทายของไทยเรา
เพียงยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับกล่าวคำว่า “สวัสดี”

บทสนทนาการทักทายของจีน
(1) A : 你好 Ni hao! สวัสดี(ครับ/ค่ะ)
B : 你好 Ni hao! สวัสดี(ครับ/ค่ะ)
(2) A : 您早 Nin zao! สวัสดีตอนเช้า(ครับ/ค่ะ)
B : 您早 Nin zao! สวัสดีตอนเช้า(ครับ/ค่ะ)
(3) 学生 : 老师好!
Xuesheng : Laoshi hao!
นักเรียน : สวัสดีครับ (ค่ะ) อาจารย์
老师 : 你们好!

Laoshi : Nimen hao!
อาจารย์ : สวัสดี (พวกเธอ)


Selamat pagi (เซอลามัต ปาฆี) สวัสีดีตอนเช้า
Selamat tengah hari (เซอลามัต เตองะฮ์ ฮารี ) สวัสดีตอนเที่ยง

Selamat petang (เซอลามัต เปอตัง) สวัสดีตอนเย็น
Selamat malam (เซอลามัต มาลัม ) สวัสดีตอนกลางคืน ราตรีสวัสดิ์
Selamat datang (เซอลามัต ดาตัง ) ยินดีต้อนรับ
Selamat jalan (เซอลามัต ญาลัน ) ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ
Selamat tinggal (เซอลามัต ติงฆัล) ลาก่อน
การทักทา ยในภาษามลายู





ตัวอย่าง คำศัพท์และวลี ต่าง ๆ ที่คุณจะเรียนรู้ในบทเรียนนี้
ภาษาไทย GERMAN
สวัสดี Hallo
สวัสดีตอนเช้า Guten Morgen
สวัสดีตอนบ่าย Guten Abend
สวัสดี Guten Tag
การกล่าวคำอำลา / และหวังว่าเราคงจะได้พบกันอีกในไม่ช้านี้ Auf Wiedersehen
คุณสบายดีหรือเปล่า Wie gehts?
ลาก่อน Tschüss













- ภาษาเยอรมัน จะมีการออกเสียงที่ดูห้าว ๆ เมื่อฟังแล้วอาจจะดูเหมือนก้าวร้าว เมื่อคุณได้ยินครั้งแรก
- การเรียนที่ได้ผลดี การเรียนภาษาเยอรมันต้องใช้การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

กุรอาน-และ-อันนาเชด

อัลฟาติหะห์
อันนะบะ</strong>
mashary
อัลมุลกฺ
Miracle on earth معجزة في مكة المكرمة
คลอดลูก3มิติ3
UFO
LHCเครื่องย้อนเวลา1
lhcเครื่องย้อนเวลา2
ประวัติศาสตร์นบีมูฮัมมัด1
ประวัติศาสตร์นบีมูฮัมมัด2

ข่าวต่างประเทศ

25/12/51 : ความเจ็บปวดของร่างกาย ขึ้นอยู่กับจิตเป็นตัวกำหนด25/12/51 : จีนเตรียมแผนช่วยภาคยานยนต์ไม่ให้ประสบปัญหาเหมือนสหรัฐ
25/12/51 : ตะลึง! เด็กไทยปี 51 พบแม่วัยเอ๊าะคลอดลูก-เด็กล้นคุกเพียบ25/12/51 : สุไหงปาดีจัดโครงการรณรงค์เปิดเบาะรถ จยย.เพื่อป้องกันเหตุร้าย
25/12/51 : ผวจ.ยะลาสั่งตรวจเข้มแบงก์ปลอมระบาดพบดำเนินการเฉียบขาด25/12/51 : ว่าที่ผู้สมัครส.ส.รวมใจไทยชาติพัฒนาหอบหลักฐาน 2 รอบยื่น กกต.นราฯ
25/12/51 : สภาพอากาศเลวร้ายทำให้นักเดินทางในสหรัฐและแคนาดาตกค้างจำนวนมาก25/12/51 : ตัวเลขเงินเฟ้อในเวียดนามปีนี้ พุ่งสูงเกือบร้อยละ 23
25/12/51 : แผ่นดินไหว 6.1 ริกเตอร์ทางตอนใต้ฟิลิปปินส์25/12/51 : ยูเอ็นเพิ่มงบ หลังใช้สนุกมือ
25/12/51 : ตลาดดอทคอมเผยยอดอีคอมเมิร์ซ 2551 พุ่งโตสวนกระแสเศรษฐกิจ25/12/51 : ประกบยิง ตร.สายบุรีดับคาที่ ก่อนปะทะกับทหารพรานแล้วหลบหนีไปได้
25/12/51 : ผู้ค้าทุกรายประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด 60 สตางค์25/12/51 : สนามบินอิตาลีมีผู้ติดค้างจำนวนมากหลังมีนัดหยุดงานกะทันหัน
25/12/51 : ชาวอาเจะห์ยังไม่หมดเคราะห์หลังสึนามิถล่มเมื่อ 4 ปีก่อน25/12/51 : พายุหิมะถล่มหลายพื้นที่ในสหรัฐทำให้ประสบปัญหาการเดินทาง
25/12/51 : ชาวอิหร่านประท้วงเรียกร้องให้ปล่อยตัวมือขว้างรองเท้า25/12/51 : ราคาน้ำมันตกต่ำเป็นประวัติการณ์อีกรอบ
25/12/51 : น้ำยาละลายน้ำแข็งทำพิษ ผู้โดยสารเครื่องบิน 23 คน ถูกหามส่ง รพ.
25/12/51 : ไฟไหม้สถาบันชีววิทยาปลาสเตอร์ในฝรั่งเศส25/12/51 : ประธานรัฐสภากินี เรียกร้องประชาคมโลกช่วยยับยั้งความพยายามยึดอำนาจ
24/12/51 : แจ้งจับครูสอนศิลปะอนาจารลูกศิษย์นาน 2 ปีเต็ม24/12/51 : สมัชชาแห่งชาติปากีฯร้องอินเดียรับความช่วยเหลือสอบเหตุมุมไบ

หนังสือพิมพ์ประชาชาติมุสลิม

ข่าวสงคราม
ข่าวอาชญากรรม
ข่าวภัยธรรมชาติ
ข่าวสิ่งแวดล้อม
ข่าวอุบัติเหตุ
ข่าวการเมือง
ข่าวเศรษฐกิจ
ข่าวการศึกษา
ข่าวสังคม
ข่าวสุขภาพ
ข่าวเทคโนโลยี
TVMT
Muslim Radio Net
เริ่มต้นด้วยอิสลาม
เกาะขอบโลก
รายงานพิเศษ
ร่มเงาอิสลาม
หลังม่านกั้น
อาหาร-สุขภาพ
รอบรู้เพื่อนบ้าน
สนับสนุนข่าว
เฉพาะเจ้าหน้าที่

กระดูกในร่างกายของเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น




กระดูกในร่างกายของเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น ส่วนที่1 80 ชิ้น
1.กระดูกกะโหลกศรีษะ(Skull) 29 ชิ้น
1.1 กระดูกบรรจุสมอง (Cranium) 8 ชิ้น
1.2 กระดูกใบหน้า (Face) 14 ชิ้น
1.3 กระดูกหู (Ear bones) 6 ชิ้น
1.4 กระดูกโคนลิ้น (Hyoid) 1 ชิ้น
2.กระดูกซี่โครง(Ribs) 24 ชิ้น
2.1 แบ่งออกเป็น 12 คู่
3.กระดูกสันหลัง(Verfebrae) 26 ชิ้น
4.กระดูกหน้าอก(Stenum) 1 ชิ้น
ส่วนที่2 126 ชิ้น
1. กระดูกต้นแขน (Humerrus) ข้างละ 1 ชิ้น
2. กระดูกปลายแขนด้านนอก (Radius) ข้างละ 1 ชิ้น
3. กระดูกปลายแขนด้านใน (Ulna) ข้างละ 1 ชิ้น
4. กระดูกข้อมือ (Carpus) ข้างละ 8 ชิ้น
5. กระดูกฝ่ามือ (Metacapus) ข้างละ 5 ชิ้น
6. กระดูกนิ้วมือ (Phalanges) ข้างละ 14 ชิ้น
7. กระดูกไหปลาร้า (Clavicle) ข้างละ 1 ชิ้น
8. กระดูกสะบัก (Scapula) ข้างละ 1 ชิ้น
9. กระดูกเชิงกราน (Pelvis) ข้างละ 1 ชิ้น
12.กระดูกต้นขา (Femur) ข้างละ 1 ชิ้น
14.กระดูกสะบ้า (Phatella) ข้างละ 1 ชิ้น
13.กระดูกหน้าแข้ง (Tibia) ข้างละ 1 ชิ้น
14.กระดูกหลังหน้าแข้ง (Fibula) ข้างละ 1 ชิ้น
15.กระดูกข้อเท้า (Tasus) ข้างละ 7 ชิ้น
16.กระดูกฝ่าเท้า (Metatasus) ข้างละ 5 ชิ้น
17.กระดูกนิ้วเท้า (Phalanges) ข้างละ 14 ชิ้น


¨Ñ´·Óâ´Â
ÊØÇÔ·Âì ÊØ¢áʧ
( )


ขอให้โชคดีแล่ข้าใจง่าย

น้ำผึ้งหยดเดียว



น้ำผึ้งหยดเดียว(3)
วัฒนธรรมการทักทายของไทยเรา เพียงยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับกล่าวคำว่า “สวัสดี”
วัฒนธรรมการทักทายของอิรักที่นี่ยืดเยื้อเงื้อง่าพอสมควร เจอใครก็ต้องให้สลามเป็นคำพูดว่า อัสสลามมุอะลัยกุม ผู้รับสลามก็จะกล่าวว่า วะอะลัยกุมุสลาม ถ้าเป็นเพศเดียวกัน เช่น ชายกับชาย ก็ให้สัมผัสมือกันได้
แม้แต่ชายกับชายเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว แค่สัมผัสมือไม่พอครับ จะถูกดึงไปหอมแก้มขวา หอมแก้มซ้ายและหอมแก้มขวา มือไม้ก็ต้องโอบไหล่กันทั้งสองคน วัฒนธรรมรัสเซียมีแต่หญิงหอมชาย ชายหอมหญิง หอมกันสามที เริ่มที่แก้มขวาก่อนเหมือนกัน ทักทายกันแบบรัสเซียนี่ นิติภูมิ...ช..อ..บ...
แต่ที่อิรัก ชายหอมชาย อุ๊ย จั๊กจี้ บางคู่พอเสร็จจากหอมแก้ม ก็จะลดหน้าลงไปจูบที่ไหล่ บางคู่ให้สลามรับสลามกันเรียบร้อยแล้วจึงหอมแก้มขวา ถามว่า สบายดีไหม? อีกฝ่ายตอบว่า สบายดี แล้วก็หอมแก้มซ้ายดังจุ๊บ ถามว่า ทำไมไม่โทร.มาหาตั้งนาน คิดถึงนะ เอ้า หอมแก้มขวาอีกจ๊วบ
อีกฝ่ายตอบ ก็ตอนนี้มีธุระยุ่งนุงนัง ฉันต้องไปตั้งหลักอยู่ต่างเมืองโน่น เอ้า หอมแก้มขวา คุณพ่อคุณแม่ของคุณล่ะซะบายดีมั้ย? เอ้า หอมแก้มซ้าย ก็ซะบายดีกันทั้งสองท่านนั่นแหละ น่าน ทีนี้ก็หอมแก้มขวา
ชายกับชาย (ของแท้นะครับ) แค่ทักทายกันกว่าจะได้เข้าเรื่อง บางคู่ใช้เวลานานกว่าสิบนาที แจกหอมกัน ประมาณสิบกว่าครั้ง อึ๋ย..ย
แฮ่ๆ ผมมัวแต่อู้เรื่องหอม เลยลืมเรื่องสงครามที่จะมารับใช้ต่อจากเมื่อวานนี้ มีเกร็ดอยู่อย่างหนึ่งซึ่งเมืองไทย เข้าไปเกี่ยวข้องในสงครามอิรัก-อิหร่านด้วย คือ ทหารอิหร่านของโคไมนีที่ทำการยุทธ์ภายใต้สภาพพิเศษ ด้วยการข้ามแม่นํ้ามาฝั่งอิรักในวันแรกๆ เมื่อถูกยิงตาย ในศพก็ต้องเจอที่นอน หมอนและลูกกุญแจพลาสติกอยู่ด้วยทุกทั่วตัวคน
อิรักก็เลยเอาเชลยศึกมาสอบถาม ได้ความดังนี้
กองทัพอิหร่านหลอกทหารของตัวว่า ถ้าข้ามแม่นํ้าไปในพรมแดนอิรักก็จะเจอกัรบาลาฮฺและนาจัฟ ซึ่งเป็นเมืองทางศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ เมื่อเรายึดกัรบาลาฮฺและนาจัฟได้แล้ว ก็ให้จัดการพักผ่อนหลับนอนกันในเมืองนั้นเลย เมืองอยู่ข้ามแม่นํ้าไปใกล้แค่นี้เอง (ความเป็นจริงอยู่ไกลมาก)
ขอให้ทหารหาญทั้งหลายเอาลูกกุญแจพลาสติกนี้แขวนคอไปด้วย หากพลาดท่าเสียทีมีการเสียชีวิต กุญแจดอกนี้จะเป็นเสมือนสิ่งที่ใช้ไขประตูสวรรค์เพื่อกลับไปสู่อยู่ในความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า
ทหารต้องไม่กลัวตาย ท่านทั้งหลายคงตระหนักดีทุกคนแล้วว่า อินนาลิลลา ฮิวะอินนาอิลัยฮิรอญิอูน แท้จริงแล้ว ชีวิตของเราทั้งหลายเป็นของอัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ) และแท้จริงเราเป็นผู้กลับไปหาพระองค์
ณ เบื้องต้นแห่งสงครามนั้น ราชอาณาจักรไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ก็เพราะว่า ฮ่าๆ ลูกกุญแจพลาสติกทุกดอก มีข้อความตัวเล็กๆกระจิริดพิมพ์นูนอยู่ด้วยว่า made in Thailand ทำในเมืองไทย นั่นเอง ไทยของเราก็เข้าไปอยู่ในประวัติศาสตร์สงครามกับเค้าด้วยเพราะเหตุนี้
กลับมาดูคูเวตซึ่งเป็นประเทศเล็กกระจิริดกระจ้อยร่อย ที่มีพรมแดนติดกับทั้งอิรักและอิหร่านกันบ้าง ถ้าเราเป็นชาวคูเวตก็ต้องเข้าข้างอิรักนั่นแหละ เพราะเป็นอาหรับด้วยกัน ส่วนอิหร่านนั้นเป็นพันธุ์เปอร์เซีย
พอเกิดสงคราม อิรักก็ขอร้องให้ไอ้น้องคูเวตส่งทหารมาช่วยพี่รักษาการณ์ตามชายฝั่งให้หน่อย ช่วยระแวดระวังอย่าให้พวกเปอร์เซียบุกขึ้นมาตีทางตอนใต้ของพี่ได้นะน้อง
คูเวตก็ร่วมมืออย่างดี ถึงขนาดไปตั้งแคมป์เป็นกองทัพสนามให้ในเขตทุ่งรูไมลา กองทัพสนามเล็กๆของคูเวต ตั้งเข้าไปในเขตแดนของอิรัก 3 กิโลเมตร เป็นเวลานานหลายปี อิรักกับอิหร่านก็รบกันไปเรื่อย จนกระทั่งสงครามหยุด
รัฐบาลอิรักก็เลยสะกิดไปที่ไอ้หนูคูเวตว่า สงครามหยุดแล้ว ช่วยเอากองทัพสนามขนาดเล็ก กระจิริดของน้องออกจากดินแดนของพี่ซะที

พรุ่งนี้มาดูกันต่อครับ คูเวตจะตอบอิรักว่ายังไง?

มุสลิม กับ วันคริสต์มาส

ทั้งหมด อัลกุรอาน หนังสือ ไฟล์เสียง บทความ ฟัตวา
เนื้อหาเพิ่มเติม▼
แหล่งอ้างอิงข่าวดาอีย์ซีดี และ ดีวีดีวิดีโอแบนเนอร์โฆษณา
หน้าหลัก (ทุกภาษา) > ไทย > บทความ
at_attach("menu3_menu_parent", "menu3_menu_child");



คุณค่าของอิสลาม วันอีดทั้งสอง หัจญ์และอุมเราะฮฺ เตาฮีด เชาวาล เนื้อหาเพิ่มเติม


messageObj = new DHTML_modalMessage(); // We only create one object of this class
messageObj.setShadowOffset(5); // Large shadow
function displayMessage(url)
{

messageObj.setSource(url);
messageObj.setCssClassMessageBox(false);
messageObj.setShadowDivVisible(false); // Enable shadow for these boxes
messageObj.display('กำลังโหลด .. กรุณารอสักครู่');
}
function closeMessage()
{
messageObj.close();
}
มุสลิม กับ วันคริสต์มาส
การ์ดของข้อมูล
ชื่อหัวข้อ: มุสลิม กับ วันคริสต์มาส
ภาษา: ไทย
วันที่เพิ่ม: Dec 24,2008
ผู้เขียน : มุรีด ทิมะเสน
ผู้ตรวจทาน : ซุฟอัม อุษมาน
เผยแพร่โดย : www.mureed.com
ไฟล์แนบพร้อมข้อมูล : 2
คำอธิบายโดยย่อ: บทความวิเคราะห์ที่มาที่ไปของวันคริสต์มาส และอธิบายจุดยืนของมุสลิมต่อการเฉลิมฉลองหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาส ซึ่งถือเป็นวันสำคัญของศาสนาคริสต์ และ่ไม่อนุญาตให้มุสลิมเลียนแบบในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอื่น
: عربي
จำนวนครั้งที่แสดง: 64
ลิ้งก์ : http://www.islamhouse.com/p/190517
ไฟล์แนบพร้อมข้อมูล ( 2 )
1.
มุสลิม กับ วันคริสต์มาส
414.7 KB

2.
มุสลิม กับ วันคริสต์มาส
238 KB

ความเป็นมาของวันคริสต์มาส
สรุปความเป็นมาของวันคริสต์มาส
ประเด็นชี้แจงความเป็นมาของวันคริสต์มาส
กิจกรรมในวันคริสต์มาส
สรุปกิจกรรมในวันคริสต์มาส
ประเด็นชี้แจงเรื่องกิจกรรมในวันคริสต์มาส
ซานตาคลอส
สรุปประวัติของซานตาคลอส
ประเด็นชี้แจงเกี่ยวกับซานตาคลอส
บัตรอวยพรคริสต์มาสและปีใหม่
สรุปที่มาของบัตรอวยพร
ประเด็นชี้แจงเกี่ยวกับบัตรอวยพร
สรุปแนวทางในการดำเนินชีวิตของมุสลิมกับคริสต์มาส

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สิ่งมหัศจรรย์จากก้อนเลือด







ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อเวลาถูกมีดบาดหรือแผลเก่าเริ่มมีเลือดไหลออกมาอีกครั้งหนึ่ง ในไม่ช้าเลือดที่ไหลออกมานั้นก็จะหยุด เพราะที่ไหนมีเลือดไหลเลือดก็จะก่อตัวขึ้นเป็นก้อนเพื่อเยียวยารักษาแผลนั้นให้ในเวลาและตรงบริเวณที่ถูกต้อง

นี่อาจเป็นปรากฏการณ์ปกติสำหรับพวกเรา แต่นักเคมีชีววิทยาได้แสดงให้เราเห็นจากการศึกษาค้นคว้าว่าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจากระบบที่ทำงานอย่างสลับซับซ้อนและในระบบนี้หากขาดองค์ประกอบอย่างหนึ่งอย่างใดหรือองค์ประกอบใดได้รับความเสียหาย มันก็จะทำให้กระบวนการของระบบนี้ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด

เลือดจะแข็งตัวเป็นก้อนในเวลาที่พอเหมาะพอดีและเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้วก้อนเลือดก็จะละลายไประบบนี้ทำงานอย่างไม่ผิดพลาดแม้แต่ในเรื่องรายละเอียดเล็กน้อยที่สุด


ถ้าหากว่าเลือดไหล ก้อนเลือดก็จะก่อตัวขึ้นทันทีเพื่อป้องสิ่งมีชีวิตมิให้ตาย ยิ่งไปกว่านั้นก้อนเลือดจากปกปิดบาดแผลทั้งหมดและที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือมันจะจับตัวเป็นก้อนอยู่เหนือและจะยังคงอยู่ด้านบนของบาดแผลเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วเลือดทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตก็จะแข็งตัวและทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นตายได้ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเลือดจะต้องก่อตัวในเวลาที่พอเหมาะพอดีตรงที่ที่ถูกต้อง


ส่วนที่เล็กที่สุดของไขกระดูกคือเกล็ดเลือดหรือธร็อมโบไซต์ (Thrombocytes)นั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เซลเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการแข็งตัวของเลือด โปรตีนอย่างหนึ่งซึ่งถูกเรียกว่าฟอนวิลเลแบรนดร์จะเป็นตัวตรวจสอบให้แน่ใจว่าในกระแสโลหิตที่ไหลเวียนอย่างต่อเนื่องนั้น เกล็ดเลือดเหล่านี้จะไม่หายไปตรงที่ได้รับการบาดเจ็บ เกล็ดเลือดที่ไปกระจุกตัวอยู่ตรงบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บนั้นจะปล่อยสารอย่างหนึ่งที่จะทำให้เกล็ดเลือดอื่นๆมารวมตัวในที่เดียวกันและในที่สุด เซลเหล่านี้จะขึ้นมาบนแผลที่เปิดอยู่ หลังจากนั้นมันก็จะตายหลังจากที่ได้ทำหน้าที่ของมันในการขึ้นมาอยู่ที่แผลแล้ว การเสียสละชีวิตของมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบการแข็งตัวของเลือด


ธร็อมบินเป็นโปรตีนอีกตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือดง่ายขึ้น สารนี้จะถูกสร้างขึ้นเฉพาะตรงที่มีบาดแผล การสร้างโปรตีนนี้จะต้องไม่มากหรือน้อยไปกว่าที่จำเป็นและจะต้องเริ่มต้นและหยุดในเวลาที่ถูกต้องด้วย มีตัวเคมีมากกว่ายี่สิบชนิดที่ถูกเรียกว่าเอ็นไซม์ซึ่งมีบทบาทอย่างสำคัญในการสร้างธร็อมบิน เอ็นไซม์เหล่านี้สามารถเริ่มต้นสร้างมันขึ้นมาใหม่และหยุดมันได้อีก กระบวนการนี้มีความละเอียดอ่อนมากจนธร็อมบินจะก่อตัวขึ้นก็ต่อเมื่อมีแผลที่แท้จริงเกิดขึ้นแก่เนื้อเยื่อเท่านั้น

ทันทีที่เอ็นไซม์ทำให้เลือดแข็งตัวเกิดขึ้นมาถึงระดับที่น่าพอใจในร่างกายแล้ว ไฟบริโนเจนที่ประกอบด้วยโปรตีนก็จะก่อตัวขึ้น ในชั่วระยะเวลาสั้นๆก็จะมีเส้นใยเกิดขึ้นตรงบริเวณที่มีเลือดไหลออกมา ขณะเดียวกันเกล็ดก็ยังคงเข้ามาสะสมที่บริเวณบาดแผลอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ถูกเรียกว่าก้อนเลือดนั้นก็คือตัวอุดที่เกิดขึ้นจากการสะสมของเกล็ดเลือดนี่เอง เมื่อบาดแผลได้รับการเยียวยารักษาแล้ว ก้อนเลือดนี้ก็จะหายไป ระบบที่สามารถทำให้เกิดก้อนเลือดได้นี้จะกำหนดว่าจะให้เลือดคงแข็งตัวอยู่หรือจะสลายมันนั้นย่อมต้องมีความละเอียดอ่อนและสลับซับซ้อนมาก ระบบนี้ทำงานอย่างไม่ผิดพลาดแม้แต่ในเรื่องรายละเอียดที่เล็กที่สุด


อะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากมีปัญหาเล็กน้อยภายในระบบที่ทำงานอย่างสมบูรณ์นี้ ?ตัวอย่างเช่น ถ้าหากมีการแข็งตัวในเลือดแม้แต่ภายนอกบาดแผลหรือถ้าหากก้อนเลือดสามารถแตกได้อย่างง่ายดายจากบาดแผล? คำตอบเดียวต่อคำถามนี้ก็คือ กระแสเลือดที่ไหลไปยังอวัยวะส่วนที่สำคัญที่สุดอย่างเช่นหัวใจ สมองและปอดก็จะถูกอุดตันด้วยก้อนเลือดซึ่งจะทำให้เสียชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ในความจริงดังที่กล่าวมานี้แสดงให้เราเห็นอีกครั้งหนึ่งว่าร่างกายมนุษย์นั้นได้ถูกออกแบบมาอย่างไม่มีการผิดพลาด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายว่าระบบการแข็งตัวของเลือดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญหรือ “การวิวัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป”ดังที่ทฤษฎีแห่งการวิวัฒนาการได้ยืนยันไว้ ระบบที่ถูกสร้างและคำณวนไว้อย่างรอบคอบเช่นนี้เป็นหลักฐานที่ยืนยันถึงการสร้างสรรค์อันถูกต้องสมบูรณ์ พระเจ้าผู้ทรงสร้างเราขึ้นมาและได้ให้เรามาอยู่บนโลกนี้ได้สร้างร่างกายของเราขึ้นมาด้วยระบบนี้ซึ่งคอยให้คุ้มครองเราในการได้รับบาดเจ็บหลายครั้งตลอดชีวิตของเรา


การแข็งตัวของเลือดเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียงแต่เฉพาะบาดแผลที่มองเห็นเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญสำหรับการแตกของหลอดเลือดเล็กๆในร่างกายของของเราซึ่งเกิดขึ้นตอลดเวลา ถึงแม้เราจะไม่สังเกตเห็น แต่ในร่างกายของเราก็มีเลือดไหลเล็กๆภายในอย่างต่อเนื่อง เมื่อเราชนประตูหรือนั่งลงแรงๆ หลอดเลือดเล็กๆก็จะแตก เลือดที่ไหลนี้จะหยุดทันทีโดยวิธีการของระบบที่ทำให้เลือดแข็งตัวและเส้นเลือดเล็กๆเหล่านี้ก็จะถูกทำให้เข้าสู่สภาพปกติของมันอีกครั้งหนึ่ง ถ้าหากผลของมันรุนแรงมากไปกว่านั้นและมีเลือดไหลภายในอย่างแรงมันก็จะก่อให้เกิดรอยจ้ำสีม่วง


มนุษย์ที่ไม่มีระบบการแข็งตัวของเลือดจะต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เลือดไหล และคนไข้ที่ขาดระบบนี้จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แม้แต่มีเลือดไหลเพียงนิดเดียวภายในร่างกายจะโดยการลื่นหรือหกล้มก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนที่ขาดระบบนี้เสียชีวิต ดังนั้น ด้วยความจริงดังที่กล่าวมา แต่ละคนควรจะพิจารณาถึงความมหัศจรรย์ในการสร้างสรรค์ภายในร่างกายของตัวเขาเองและเขาควรจะกตัญญูรู้คุณต่ออัลลอฮฺผู้ทรงสร้างร่างกายของเขาขึ้นมาอย่างไม่มีที่ติ ร่างกายของเราเป็นพรประเสริฐจากพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อเรา ซึ่งแม้แต่เพียงเซลหนึ่งเราก็ไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ อัลลอฮได้ทรงกล่าวไว้แก่มนุษยชาติว่า : “เราได้สร้างสูเจ้ามา ดังนั้นไฉนสูเจ้าจึงไม่ยืนยันความจริง ?” (กุรอาน 56:57)

โดย ฮารูน ยะฮฺยา อ.บรรจง บินกาซัน แปล
คัดลอกจาก: ไทยมุสลิมช็อป

















มหัศจรรย์แห่งชั้นบรรยากาศ
เราอาศัยอยู่ในโลกที่พระผู้ทรงสร้างผู้ทรงเมตตาของเราได้ออกแบบมาอย่างเป็นเลิศ และมีความครบถ้วนสมบูรณ์อย่างน่าทึ่ง แม้แต่ในเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพระองค์ ลักษณะทางกายภาพของโลกไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง อุณหภูมิและอื่นๆล้วนถูกจัดเตรียมไว้เพื่อชีวิตโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามลักษณะทางกายภาพเช่นนั้นแต่เพียงอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตดำรงอยู่ได้บนโลก ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับชีวิตก็คือองค์ประกอบของบรรยากาศ

ในภาพยนตร์นวนิยายทางวิทยาศาสตร์ เราจะเห็นว่านักเดินทางในอวกาศและนักค้นคว้าจะพบดาวที่มีชั้นบรรยากาศที่สามารถหายใจได้อย่างง่ายและมีอยู่ทุกที่ อย่างไรก็ตาม ถ้าเราสามารถออกสำรวจจักรวาลที่แท้จริงได้ เราจะพบว่านี่มิใช่เรื่องจริงเลย มันเป็นไปไม่ได้ที่ดาวดวงอื่นจะมีชั้นบรรยากาศที่สามารถหายใจได้ นั่นก็เพราะว่าบรรยากาศของโลกได้ถูกออกแบบไว้เป็นการเฉพาะเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ในหลายทางด้วยกัน

บรรยากาศของโลกประกอบด้วยไนโตรเจน 77% ออกซิเจน 21% และคาร์บอนไดออกไซด์ 1% ทีนี้ขอให้เรามาเริ่มด้วยแกสที่สำคัญที่สุดก่อน คือ ออกซิเจน ออกซิเจนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อชีวิตมากที่สุดเพราะมันเข้าไปทำปฏิกริยาทางเคมีส่วนใหญ่ที่ให้พลังงานที่ชีวิตต้องการ

เมื่อคาร์บอนทำปฏิกริยากับออกซิเจน ผลที่ตามมาก็คือ มันทำให้มีน้ำ คาร์บอนได้ออกไซด์และพลังงาน พลังงานหน่วยเล็กๆที่ถูกเรียกว่า AIP (แอตเลโนซีน ไตรฟอสเฟต) และได้ถูกใช้ในเซลที่มีชีวิตนี้เกิดขึ้นโดยปฏิกริยานี้ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงต้องการออกซิเจนสำหรับชีวิตและทำไมเราต้องหายใจเพื่อตอบสนองความต้องการของชีวิต สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้ก็คือว่าเปอร์เซนต์ของออกซิเจนในอากาศที่เราหายใจเข้าไปนั้นได้ถูกกำหนดไว้อย่างถูกดต้องพอเหมาะพอดี

ไมเคิล เดินตัน (Michael Denton) ได้เขียนถึงเรื่องนี้ไว้ว่า : “ชั้นบรรยากาศของคุณสามารถบรรจุออกซิเจนได้มากกว่านี้และยังทำให้ชีวิตมีอยู่ได้หรือไม่? ไม่เลย ออกซิเจนเป็นสารที่ทำปฏิกริยามาก แม้แต่เปอร์เซนต์ของออกซิเจนในชั้นบรรยากาศ 21% ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ก็ใกล้กับขอบเขตสูงสุดของความปลอดภัยสำหรับชีวิตที่อุณหภูมิรอบตัว ความเป็นไปได้ของการเกิดไฟไหม้ป่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% ทุกๆ 1% ที่มีออกซิเจนเพิ่มขึ้นในชั้นบรรยากาศ”

เจมส์ เลิฟล็อค (James Lovelock) นักเคมีชีววิทยาชาวอังกฤษได้กล่าวว่า : “กว่า 25% พืชพันธุ์ในปัจจุบันของเราน้อยมากที่จะรอดจากไฟป่าที่จะทำลายป่าฝนและทุ่งหญ้าขั้วโลกเหนือ….ระดับออกซิเจนในปัจจุบันอยู่ในจุดที่ความเสี่ยงและผลประโยชน์มีความสมดุลอย่างพอดี”


การที่อัตราส่วนของออกซิเจนในบรรยากาศยังคงอยู่ในปริมาณที่พอดีเช่นนี้นั้นเป็นผลมาจากระบบการหมุนเวียนอันมหัศจรรย์นั่นเอง

สัตว์หายใจเอาออกซิเจนเข้าไปและสร้างคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาซึ่งเป็นสิ่งที่มันไม่หายใจ แต่พืชกลับทำตรงข้าม กล่าวคือพืชจะหายใจเอาคาร์บอนได้ออกไซด์ที่จำเป็นต่อชีวิตของมันเข้าไปและปล่อยออกซิเจนออกมาแทน เนื่องจากระบบนี้เอง ชีวิตจึงดำเนินต่อไป พืชปล่อยออกซิเจนออกมาสู่บรรยากาศนับเป็นจำนวนล้านๆตันทุกวัน

บรรยากาศและการสูดหายใจเข้าออก


เราหายใจอยู่ตลอดเวลาในขณะที่เรามีชีวิต ระบบร่างกายของเราถูกออกแบบมาอย่างสมบูรณ์จนเราไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับการหายใจ

ร่างกายของเราจะประมาณการว่ามันต้องการออกซิเจนมากน้อยแค่ไหนและก็จะจัดการหาออกซิเจนมาให้ตามจำนวนนั้นไม่ว่าเราจะกำลังเดิน วิ่ง อ่านหนังสือหรือกำลังหลับ เหตุผลที่การหายใจมีความสำคัญต่อเราก็คือการทำปฏิกริยาจำนวนนับล้านที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในร่างกายเพื่อให้เรามีชีวิตอยู่ได้นั้นล้วนต้องการออกซิเจนทั้งสิ้น


การที่ท่านสามารถอ่านบทความชิ้นนี้ได้ก็เนื่องมาจากเซลล์นับล้านที่จอรับภาพในดวงตาของท่านได้รับพลังงานที่มาจากออกซิเจนตลอดเวลา ในทำนองเดียวกัน เนื้อเยื่อในร่างกายของเราและเซลล์ที่สร้างมันขึ้นมาก็ได้รับพลังงานจาก “การเผาไหม้” ขององค์ประกอบคาร์บอนในออกซิเจน ผลผลิตของการเผาไหม้ นั่นคือคาร์บอนได้ออกไซด์ จะต้องถูกปล่อยออกมาจากร่างกาย ถ้าระดับของออกซิเจนในกระแสเลือดของท่านลดลง ผลก็คือการหมดสติและถ้าหากการขาดออกซิเจนเกินกว่าสองสามนาที ผลก็คือการเสียชีวิต

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงต้องหายใจ เมื่อเราหายใจ ออกซิเจนก็จะเข้าไปในห้องเล็กๆประมาณ 300 ล้านห้องในปอดของเรา ห้องเหล่านี้ในปอดและหลอดที่มีรูเล็กๆเชื่อมโยงกับมันได้ถูกออกแบบไว้ให้มีขนาดเล็กมากเพื่อที่จะเพิ่มอัตราการแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนได้ออกไซด์ แต่การออกแบบอันสมบูรณ์นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆด้วยเช่นกัน นั่นคือความหนาแน่น ความเหนียวและความกดอากาศจะต้องถูกต้องตรงกันทั้งหมดสำหรับอากาศที่จะเคลื่อนเข้าไปข้างในและไหลออกมาจากปอดของเรา

เมื่อเราหายใจเข้าไป ปอดของเราก็จะใช้พลังงานเพื่อเอาชนะพลังที่ถูกเรียกว่า
“แรงต้านเส้นทางอากาศ” พลังนี้เป็นผลมาจากแรงต้นของอากาศต่อการเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคุณสมบัติทางด้านกายภาพของบรรยกาศ แรงต้านนี้จะอ่อนพอที่ปอดของเราสามารถสูดอากาศเข้าไปและปล่อยมันออกมาด้วยการใช้พลังงานเพียงน้อยนิด ถ้าแรงต้านอากาศสูงกว่านี้ ปอดของเราก็จะต้องทำงานหนักกว่านี้เพื่อที่จะทำให้เราหายใจได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ของเรื่องนี้ก็คือการดูดน้ำเข้าไปในเข็มฉีดยาเป็นเรื่องง่ายแต่ถ้าจะดูดน้ำผึ้งเข้าไปในเข็มฉีดยาก็จะยากกว่า เหตุผลก็เพราะน้ำผึ้งมีความหนาแน่นและมีความเหนียวมากกว่าน้ำ


ปริมาณทางด้านจำนวนของบรรยากาศไม่เพียงแต่จะจำเป็นสำหรับเราเพื่อการหายใจเข้าไปเท่านั้น แต่ยังจำเป็นสำหรับโลกของเราด้วย ถ้าหากความกดอากาศที่ระดับน้ำทะเลต่ำกว่าปริมาณที่เป็นอยู่ของมัน อัตราการระเหยของน้ำก็จะสูงมาก น้ำที่เพิ่มขึ้นในบรรยากาศก็จะมี “ผลเรือนกระจก” (greenhouse effect) ที่ดักความร้อนมากขึ้นและเพิ่มอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ในทางตรงข้ามถ้าหากความกดสูงมากกว่านี้ อัตราการระเหยของน้ำก็จะน้อยลงและส่งผลให้ส่วนใหญ่ของโลกกลายเป็นทะเลทราย


ทั้งหมดที่ทำให้เกิดความสมดุลนี้ชี้ให้เห็นว่าบรรยากาศของเราได้ถูกออกแบบมาอย่างจงใจและเหมาะเจาะเพื่อให้ชีวิตบนโลกนี้สามารถดำรงอยู่ได้

นี่เป็นความจริงที่ได้ถูกค้นพบโดยวิทยาศาสตร์และมันแสดงให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่าจักรวาลนี้มิได้เป็นเพียงการเกิดขึ้นโดยบังเอิญของวัตถุ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องมีผู้ทรงสร้างที่คอยควบคุมจักรวาล ผู้กำหนดรูปร่างของวัตถุตามที่ผู้ทรงสร้างนั้นต้องการ และพระผู้ทรงสร้างนี้อีกเช่นกันที่ปกครองกาแล็กซี่และดวงดาวต่างๆไว้ภายใต้อำนาจของพระองค์

อำนาจอันสูงสุดนั้น คัมภีร์กุรอานบอกเราว่าคืออัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก และโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ก็ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะและถูกทำให้แผ่ขยายออกไปโดยอัลลอฮฺเพื่อมนุษย์ (ดูกุรอาน 79:30)

อัลลอฮฺคือผู้ทรงทำให้แผ่นดินนี้เป็นที่พำนักของสูเจ้าและชั้นฟ้าเป็นเพดานอันมั่นคง และทรงทำให้สูเจ้าเป็นรูปร่างและทรงทำให้ร่างของสูเจ้าสวยงามและทรงประทานสิ่งที่ดีๆแก่สูเจ้า นั่นคืออัลลอฮฺพระผู้ทรงอภิบาลของสูเจ้า ดังนั้น อัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกทรงเป็นที่จำเริญยิ่ง (กุรอาน 40:64)

..................................................
โดย ฮารูน ยะฮ์ยา แปลโดยอ.บรรจง บินกาซัน , คัดลอกจาก ไทยมุสลิมช็อป
หาข้อมูลเพิ่มเติม

ไขปัญหาศาสนา : เด็กหลอดแก้ว-อุ้มบุญ-บุตรบุญธรรม-กิ๊ฟ

ทรรศนะอิสลามเกี่ยวกับเด็กหลอดแก้ว ที่หมายถึงการนำ “ไข่” จากฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมาผสมกัน ภายนอกร่างกายเพื่อให้เกิดการปฎิสนธิขึ้น ภายใต้สิ่งแวดล้อม อุณหภูมิคล้ายกับภายในร่างกาย เมื่อได้ตัวอ่อนที่เรียกว่า “นุตฟะห์” ที่สมบูรณ์ในขนาดที่เหมาะสม ก็จะนำเข้าสู่ภายในร่างกายของสตรี ที่ประสงค์จะตั้งครรภ์ เพื่อให้ฝังตัวและเจริญเติบโตเป็นทารกในโพรงมดลูกต่อไป นั่นเป็นรูปแบบทั่วไปแบบของการปฏิบัติการที่เรียกว่า “เด็กหลอดแก้ว”

ที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของเด็กหลอดแก้ว พร้อมทรรศนะของนักนิติศาสตร์อิสลามที่ได้ศึกษาและค้นคว้าในเรื่องนี้ พอเป็นสังเขป

คือการที่สามีภรรยาคู่หนึ่ง ไม่สามารถให้กำเหนิดบุตรได้ จึงหาหนทางที่จะมีบุตร โดยวิธีการนำ “ไข่” ของผู้หญิงอื่น และ “เชื้ออสุจิ” ของชายอื่นมาผสมในหลอดแก้วทดลอง จนปฎิสนธิเป็น “นุตฟะห์” แล้วนำกลับไปใส่ในโพรงมดลูกของภรรยา เพื่อให้ฝังตัวและเจริญเติบโตต่อไป จะเห็นได้ว่าวิธีนี้ เป็นการนำเอาไข่และเชื้ออสุจิของคนอื่น ที่ไม่ใช่สามีภรรยาคู่นั้น มาผสมกันเป็นเด็กหลอดแก้ว หรือโดยวิธีการเอาเชื้ออสุจิของชายอื่น ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกของภรรยาเพื่อให้เกิดปฎิสนธิภายในมดลูกของภรรยา

ทั้งสองวิธีนี้ นักนิติศาสตร์อิสลาม ที่ทำการศึกษาด้านนี้ มีทรรศนะสอดคล้องกันว่าเป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม) ที่มุสลิมจะกระทำไม่ได้ เพราะเป็นการละเมิดหลักนิติศาสตร์ที่สำคัญของอิสลาม ที่ว่าด้วยการปกป้องการสืบสายโลหิต ให้มีความบริสุทธิ์ ไม่ให้มีการปะปนจนสับสนในการสืบสายโลหิต ที่เรียกว่า “ฮิฟซุ้ลนัสลิ” ซึ่งอิสลามให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จะเห็นได้จากบทบัญญัติในเรื่องการแต่งงาน และการกำหนดบทลงโทษอย่างรุนแรงในเรื่องการละเมิดประเวณี ที่เรียกว่าซินา

การนำเชื้ออสุจิของชายอื่น เข้าไปสู่โพรงมดลูก ถือว่ามีส่วนที่คล้ายกับการละเมิดประเวณีที่เรียกว่า “ซิบฮุ้ซซินา” แม้จะไม่มีบทกำหนดโทษที่แน่นอนก็ตาม เพราะยังไม่ครบองค์ประกอบของการละเมิดประเวณีจริงๆ เนื่องจากเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก โดยอาศัยเครื่องมือทางการแพทย์ ไม่ใช่ด้วยอวัยวะสืบพันธ์ของชาย ที่เป็นเจ้าของเชื้ออสุจิ

ส่วนทารกที่เกิดมาด้วยวิธีดังกล่าว ถือว่าเป็นลูกนอกกฏหมาย ที่ภาษาอาหรับเรียกว่า “วะละดุซซินา” เพราะเกิดจากเชื้ออสุจิของคนอื่นไม่ใช่เชื้ออสุจิของสามี ซึ่งจะเกิดผลกระทบในทางศาสนาคือ ศาสนาไม่ยอมรับว่าเป็นบุตรของผู้ที่เป็นสามีของหญิงนั้น ในฐานะเป็นบิดาไม่ได้ และสามีของหญิงคนนั้นจะทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองที่เรียกว่า “วลี” ในการแต่งงานลูกหลอดแก้วไม่ได้ ในกรณีลูกหลอกแก้วเป็นหญิง และมีผลกระทบในเรื่องการอยู่ร่วมปะปนอีกด้วย และยังมีผลกระทบทางด้านจิตใจ ระหว่างเด็กหลอดแก้วและพ่อแม่เทียมของตนอีกด้วย ถ้าหากสามีภรรยาคู่นั้นไม่ สามารถอบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนดีได้ หรือถ้าหากเขามีนิสัยเกเร ก็อาจหลุดปากออกไปว่า “ไม่รู้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร” เป็นต้น ดังนั้นอิสลามจึงห้ามการได้ลูกมาด้วยวิธีดังกล่าว
การอุ้มบุญ ศาสนาอนุญาติหรือไม่


การอุ้มบุญ หมายถึง สามีภรรยาคู่หนึ่งอยากมีลูก แต่ภรรยามีมดลูกไม่ดี ใช้การไม่ได้ หรือไม่มีมดลูก แต่มีรังไข่ทำงานได้ดี เมื่อต้องการจะมีลูก ก็ต้องอาศัยมดลูกของสตรีอื่น มาอุ้มลูกแทน กรณีนี้รู้จักกันในนาม “อุ้มบุญ” วิธีการคือ นำไข่ของภรรยาและเชื้อของสามี มาผสมกันในหลอดทดลอง จนเกิดปฏิสนธิกันภายนอกร่างกาย แล้วนำตัวอ่อนไปใส่ในโพรงมดลูกของสตรีอีกคนหนึ่ง ที่เป็นอุ้มบุญ ที่อาจเป็นผู้รับจ้างตั้งครรภ์ หรืออาสาสมัครตั้งครรภ์ให้โดยไม่คิดค่าจ้าง

นักนิติศาสตร์อิสลาม ได้ให้ทรรศนะในเรื่องนี้ว่า เป็นสิ่งที่ต้องห้าม จะกระทำไม่ได้ เพราะจะกระทำให้การสืบสายโลหิต เกิดความสับสนและปะปนกัน จนไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ที่แท้จริง จะเรียกเจ้าของไข่และเชื้ออสุจิ ว่าเป็นใคร และจะเรียกหญิงที่รับตั้งท้องให้ ว่าเป็นใคร จะใช้นามสกุลของใคร จะรับมรดกจากใคร ใครจะเป็นผู้ปกครองในการแต่งงาน จะมีปัญหาเกิดขึ้นติดตามมาจากการกระทำเช่นนี้ ศาสนาจึงห้าม เพื่อรักษาสืบสายโลหิตให้สะอาดบริสุทธิ์ รู้ว่าเป็นลูกของใคร ใครเป็นพ่อเป็นแม่ที่แท้จริง
สามีภรรยาที่ไม่อาจมีบุตรได้ จะขอเด็กมาจดทะเบียน รับเป็นบุตรบุญธรรม ได้หรือไม่?


นอกจากอิสลามจะห้ามการมีลูกด้วยวิธีอุ้มบุญแล้ว อิสลามยังห้ามการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมอีกด้วย เพราะการรับเด็กมาเป็นบุตรบุญธรรม เป็นการสถาปนาสายโลหิตขึ้นระหว่างบุตบุญธรรม กับพ่อแม่บุญธรรมอย่างจอมปลอมที่ศาสนาไม่ได้ให้การรับรอง เพราะเป็นการนำคนอื่นมาเป็นบุตร ที่จะมีสิทธิ์ในกองมรดก ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ใดๆ และจะต้องมีหน้าที่จ่ายค่าเลี้ยงดูแก่พ่อแม่บุญธรรมเข้ามาอยู่ร่วมปะปนในครอบครัว ทั้งที่ศาสนาไม่อนุญาต อัลลอฮฺตาอาลาได้ตรัสไว้ว่า “และพระองค์ไม่ได้ดลบันดาลให้บุตรบุญธรรมของพวกเจ้า เป็นบุตรของพวกเจ้าจริงๆ นั่นเป็นเพียงคำพูดด้วยลมปากของพวกเจ้า”

การที่อิสลาม ห้ามรับจดทะเบียนบุตรบุญธรรม ไม่ได้หมายความว่าอิสลามห้ามให้ความเอาใจใส่ และสงเคราะห์เด็กกรำพร้าหรือเด็กด้อยโอกาสต่างๆ ตรงกันข้ามอิสลามได้วางแนวทางในการให้ความช่วยเด็กกรำพร้า และเด็กด้อยโอกาสเป็นอย่างดี โดกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสังคมที่จะต้องร่วมกันรับผิดชอบ มุสลิมทุกคนจะต้องมีบาป ถ้าหากมีเด็กที่ถูกทอดทิ้งแม้เพียงคนเดียว ถูกปล่อยปละละเลย ไม่ได้รับการเหลียวแลเอาใจใส่ จนกลายเป็นเด็กจรจัด
มีคำถามอีกว่า สามีภรรยาที่มีลูกยาก แต่ต้องการจะมีลูกจะใช้วิะทำกิ๊ฟ ได้หรือไม่?


กิ๊ฟ เป็นขบวนการช่วยให้เกิดการปฏิสนธิขึ้นภายในร่างกายโดยตรง โดยการเจาะท้องส่องกล้อง และสอดใส่สายพลาสติกผ่านหน้าท้องทางรูเล็กๆ นำเชื้ออสุจิของสามีให้เข้าไปผสมรวมกับไข่ของภรรยาที่ท่อนำไข่ แต่จะเกิดปฏิสนธิขึ้นหรือไม่ ไม่อาจรู้ได้ จนกว่าจะได้ทดสอบผลเลือดเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์

นักนิติศาสตร์อิสลามมีทรรรศนะแตกต่างกันในการกระทำเช่นนี้ถึง 5 ทรรศนะคือ

(1) ห้ามกระทำโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ

(2) อนุญาตให้กระทำได้ภายใต้เงื่อนไข

(3) อนุญาตให้กระทำได้ หากเป็นการช่วยให้เกิดปฏิสนธิขึ้นภายในร่างกาย และไม่อนุญาตให้กระทำ หากเป็นการนำไข่ของภรรยาและเชื้ออสุจิของสามีออกมาผสมนอกร่างกาย ภายหลังปฏิสนธิแล้ว

(4) ไม่ออกความเห็น

(5) เป็นเรื่องจำเป็นเฉพาะราย ไม่อนุญาตให้นำเรื่องนี้ไปพูดในวงกว้างต่อสาธารณะชน ให้ผู้มีความจำเป็นต้องการมีบุตรจริงๆ ไปปรึกษากับผู้รู้ที่เชื่อถือได้ เพื่อได้ความกระจ่างในเรื่องนี้

นั่นคือทรรศนะหลากหลาย ของนักนิติศาสตร์อิสลาม ในเรื่องการทำกิ๊ฟสำหรับคู่สามีภรรยาที่มีลูกยากและต้องการมีลูก ซึ่งมีทั้งทรรศนะที่ห้าม และอนุญาตให้กระทำได้ภายใต้เงื่อนไขและให้พิจารณาความจำเป็นของแต่ละราย และยังมีการพิจารณาถึงการได้มาของเชื้ออสุจิด้วยว่า ได้มาด้วยหนทางที่ศาสนารับรองหรือไม่ ไม่ใช่เป็นการอนุญาตให้กระทำโดยปราศจากเงื่อนไข อัลลอฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง
โดย : อ.อรุณ บุญชม คัดลอกจาก :
www.darulmuslimeen.com


วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วาสารเล่มที่1




“ผู้ที่เป็นที่รักยิ่งของฉัน

และมีตำแหน่งใกล้ชิดกับฉัน

ในวันกียามะห์นั้น คือ

ผู้ที่มีมารยาทดีงาม”







ใครมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่
ssc.keesongsai@windowslive.com





หรือหาข้อมูลได้ที่
www.ssckeesongsai.blogspot.com
และโทร...085-0813109




ขอขอบคุณห้องคอม ฯ โรงเรียนสามารดีวิทยา
และอาจารย์ที่ให้คำปรึกษาทุกท่าน








บอกอสั่งมา
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
มาแล้วเด้อ มาอีกแล้วเด้ออาย”วารสารอัน-นูร”ฉบับที่2 “…….อืมขอโทษที
ขอทักทายท่านผู้อ่านที่มีเกียรติทุกท่าน ที่น่าตาดีทุกท่าน ที่หล่อๆ สวยๆ กันทุกคน และที่น่าอือ….?????????? อ๋อที่น่ารักกันทุกวัยไง….
อุ้ยลืมไปก่อนอื่นต้องขอชูโกรต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ) ที่อัลลอฮฺให้เรามีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้เอาะ…และให้เพื่อนๆของเราได้มาอ่านวารสารอัน-นูรเล่มนี้ ซึ่งเป็นฉบับที่2 ที่ทางชมรมฯ ทำขึ้นด้วยความตั้งªเป็นอย่างมาก อยากจะให้ผู้อ่านศึกษาค้นคว้าหาความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์อย่างสะดวกสบาย เรื่องนี้จะทำให้ผู้อ่านอ่านแล้วสนุกมีความสนªมากขึ้น ทางชมรม ฯ อยากให้อ่านอ่านกันทุกคน แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่อ่านก็น่าเสียดายนะแต่ไม่ต้องเสียดายทางชมรมขอฝากคนที่อ่านแล้วช่วยไปบอกหรือโฆษณาคนที่ยังไม่ได้อ่านด้วยน้าๆๆๆๆๆๆๆนะ thank you ม๊าก มาก
ทางชมรม ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่อ่านวารสารเล่มนี้แล้วสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันและในการเรียนของผู้อ่านทุกคนและทุกวัยไม่กำหนดเพศ
Love ท่านผู้ Read ทุกคน for ALLAH
ขอให้สนุกกับการอ่านนะครับ…ไปตะลุยกันเลย…

สารบัญ
เรื่อง หน้า
การกำเนิดจักรวาล 1

การขยายตัวของจักรวาล 3

สมุนไพรจากคัมภีร์ อัล-กุรอาน และแนวการแพทย์ของท่านนบี 5

ความลี้ลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา 9

ดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ 15

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ใน ชีวิตประจำวัน 18

การทำงานของร่างกาย 20

เกร็ดน่ารู้เรื่องคู่บ้าน 23

MY FAMILY 25


AN-NUR JOURNAL 25


MY FAMILY
อัรฮัม อีแต ศอดิก เซ็งดุยะ มูฮัมหมัด ซายามะ
ม.ลุตฟี เวาะแห ม.ฟัรฮาน มาปะ ม.อาเสม มาปะ
สุวิทย์ สุขแสง ฮัมดี แลฮา ฟุรกอน เวาะแห
มุตตากีน อามิง อัฟฟาน ยี่งอ อัมรี ดือราแม
ซ้อฟวรรณ หะยีอารง นูรูดิง ดารี อิมรอน ดือราแม
ฮาฟิซ หมาดจามัง ม.มัรฎี การี อะฮ์หมัด อาแว
ฮัยตามี เจ๊ะมะ ม.ยัดวี ยูโซะ คอเละ มะสง
อับดุลมุห์เซ็น ยูโซะ มารูวัน ดากอฮา มูฮำหมัด อัซซอมาดีย์
อัฟฟาน โตะดง มูฮัยมี อาแวยี่งอ มุสตากีม เจ๊ะนิ
กฤษดา รำมะสิทธิ์ มัรวัน มะลี
สมาชิกอาจารย์
อ.ซอลีฮะห์
อ.ฮามีดะห์
บอกอ
สุวิทย์

ที่ปรึกษา
อ.ยูโซฟ ปาโห๊ะ
มูหัมหมัดรุสดี อัลมะอาริฟีย์

AN-NUR JOURNAL 24

น้ำยาล้างจานช่วยให้คีมหายฝืด
คีมที่บ้านเป็นสนิมใช้ไม่ได้ให้หยอดน้ำยาล้างจานบริเวณข้อต่อ แล้วขยับตัวคีมหลายๆครั้ง จากนั้นล้างน้ำออก เช็ดให้แห้ง แล้วหยอดน้ำมันลงไป จะทำให้คีมใช้ได้เหมือนเดิม
วิธีแก้ไขแผ่นCDเสียงงอ
ไม่ว่าคุณจะระวังอย่างไร แผ่นเสียงจะงอได้ ให้เอากระจกมาสองบานมาประกบแผ่นเสียงงอไว้ตรงกลาง หลังจากนั้นนำไปตากแดดสักสองสามชั่วโมง
ก่อนใช้แปรงทาสีใหม่
แปรงทาสีใหม่ถ้านำมาใช้งานเลย จะทำให้ขนแปรงหลุดง่าย เวลาทาสีจะไม่เรียบ ดังนั้นให้นำไปแช่น้ำเย็นก่อนประมาณ 4-5 ชั่วโมงแล้วสลัดให้แห้ง จึงนำไปใช้ช่วยให้ทนทาน ขนแปรงไม่หลุดง่าย
สีเทียนลบรอยขูดขีดบนเฟอร์นิเจอร์
ถ้าเฟอร์นิเจอร์ในบ้านมีรอยขูดขีด ให้ทาสีเทียนสีเดียวกัน จากนั้นใช้น้ำยาทาเล็บสีใสๆทาทับอีกครั้ง จะช่วยให้เฟอร์นิเจอร์ดูสวยงามขึ้น








AN-NUR JOURNAL 1
การกำเนิดจักรวาล [1]
THE COMING OF THE UNIVERSE INTO EXISTENCE
การปรากฏของจักรวาลนั้นกุรอานได้อธิบายไว้ในซูเราะฮ์อันอาม อายะฮ์ที่ 101
بديع السماوات والأرض... »»
ความว่า “อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงประดิษฐ์ชั้นฟ้าและแผ่นดิน...”
(อัลกุรอาน 6:101)
สิ่งที่ได้ระบุไว้ในอัลกุรอานนั้นสอดคล้องกับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันซึ่งมีข้อสรุปของวิชาฟิสิกส์ทางดาราศาสตร์ว่า ทั่วทั้งจักรวาลตลอดจนมิติต่างๆของสสารและเวลา บังเกิดขึ้นสืบเนื่องจากผลของการระเบิดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เหตุการณ์ครั้งนั้นเรียกว่า “บิ๊กแบง (Big Bang)” ซึ่งพิสูจน์ว่าจักรวาลเกิดขึ้นมาจากการระเบิดของสิ่งๆหนึ่ง วงการวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยอมรับว่า “บิ๊กแบง” เป็นเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ใช้อธิบายการกำเนิดและปรากฏของจักรวาล

ก่อนหน้า “บิ๊กแบง” ไม่มีสิ่งใดปรากฏอยู่เลยไม่ว่าจะเป็นสสาร พลังงานหรือแม้แต่เวลา บิ๊กแบงจึงเป็นคำอธิบายเชิงอภิปรัชญาได้ประการเดียวเท่านั้นว่า สิ่งเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมา ข้อเท็จจริงทางฟิสิกส์สมัยใหม่ที่เพิ่งจะค้นพบเมื่อไม่นานมานี้นั้น เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอานเมื่อ 1,400 ปีมาแล้ว





AN-NUR JOURNAL 2











ส่วนที่เป็นสีน้ำตาลเข้มแสดงถึงรังสีที่ ปรากฏอยู่ก่อน
ส่วนที่เป็นสีชมพูอ่อน แสดงถึงส่วนที่ยังร้อนอยู่
ส่วนที่เป็นสีน้ำตาลอ่อน แสดงถึง ส่วนที่เป็นสีชมพูเข้ม แสดงถึงพื้นที่ที่ร้อนที่สุด


AN-NUR JOURNAL 23
เกร็ดน่ารู้เรื่องคู่บ้าน[2]

ปากกาลูกลื่นเขียนไม่ออก
ปากกาลูกลื่นที่ไม่ได้ใช้ประจำ น้ำหมึกมักแห้งเขียนไม่ออก ก่อนนำมาเขียนให้เอาปลายปากกาลนไฟหรือแช่น้ำร้อนสักครู่ ความร้อนจะทำให้หมึกที่แห้งละลายใช้ได้อีก
ผ้าเปื้อนสีเมจิกควร ทำอย่างไร
ถ้าเสื้อผ้าเปื้อนสีเมจิกให้รีบเอาน้ำมันสนมาถู แล้วนำไปซักด้วยผงซักฟอกอีกครั้ง จะทำให้รอยเปื้อนหายไป แต่ถ้ายังมีรอยจางๆอยู่ ให้ใช้น้ำยาซักผ้าขาวซักอีกครั้งหนึ่ง
เลี้ยงปลาตัวใหม่
เวลาที่เราไปซื้อปลามาเลี้ยงที่ร้านจะใส่ปลาในถุงพลาสติก คุณอย่าเทปลาใส่ตู้ปลาทันที ให้ใส่ปลาทั้งถุงพลาสติก ทิ้งไว้สักครู่หนึ่ง เพื่อให้น้ำในถุงพลาสติกกับน้ำในตู้ปลา ปรับอุณหภูมิให้เท่ากันก่อน

แช่ส้มในน้ำร้อน

ส้มเช้งหรือส้มโอมีเปลือกหนาปอกยาก ดังนั้นก่อนปอกให้นำไปแช่ในน้ำร้อนสักครู่จะทำให้ผิวนุ่มปอกง่าย และเส้นใยที่ผลส้มจะหลุดได้ง่ายด้วย

AN-NUR JOURNAL 22

21.00 น. อารมณ์จะกลับเข้าสู่สภาพปกติ ความจำจะดีขึ้น สามารถคิดสิ่งต่างๆ ออกได้
22.00 น. ในกระแสโลหิต จะเต็มไปด้วยเม็ดเลือดขาว อุณหภูมิในร่างกายจะลดต่ำลง
23.00 น. ร่างกายตระเตรียมพักผ่อน เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ที่สึกหรอ
24.00 น. เข้าสู่ชั่วโมงแห่งการหลับไหล








AN-NUR JOURNAL 3





การขยายตัวของจักรวาล[3]
THE EXPANSION OF THE UNIVERSE
อัลกุรอานประทานลงมาเมื่อ 14 ศตวรรษที่แล้ว ซึ่งในขณะนั้นความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่อัลกุรอาน ก็ได้กล่าวถึงการขยายตัวของจักรวาลไว้แล้ว ในซูเราะฮ์อัซซาริยาต
والسماء بنيناها بأييد وإنا لموسعون » »
ความว่า “และเราได้สร้างฟ้ามาให้แข็งแกร่ง และแท้จริงเราเป็นผู้ขยายมันออก”
(อัลกุรอาน 51:47)




AN-NUR JOURNAL 4

คำว่า “ฟ้า” ในอายะฮ์นี้ปรากฏอีกหลายแห่งในอัลกุรอานโดยมีความหมายถึงอวกาศและจักรวาล ในอายะฮ์นี้ก็ใช้ในความหมาย เช่นนั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า อัลกุรอานได้เปิดเผยว่า จักรวาลนั้นมีการแผ่ขยายซึ่งก็เป็นข้อสรุปที่วิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบนั่นเอง
ต้นศตวรรษที่ 20 นักฟิสิกส์ชาวรัสเซียชื่อ อเล็กซานเดอร์ ฟรีดมันน์ (Alexander Friedmann) และนักดาราศาสตร์ชาวเบล เยี่ยมชื่อว่า จอร์จ เลอแมตร์ (Georges Lemaitre) ได้คำนวณตามหลัก
ทฤษฏีแล้ว พบว่าจักรวาลนั้นมีการเคลื่อนไหวอย่างคงที่และกำลังค่อยๆขยายตัวออก
ข้อเท็จจริงนี้ยังได้รับการพิสูจน์อีกจากข้อมูลในการศึกษาสังเกตในปี ค.ศ.1929 นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน เอ็ดวิน ฮับเบิล (Edwin Hubble) ซึ่งได้เฝ้าสังเกตท้องฟ้าด้วยกล้องเทเลสโคปอยู่นั้น พบว่า ดวงดาวต่างๆและกาแลคซี ต่างก็เคลื่อนตัวออกห่างจากกัน อย่างสม่ำเสมอ การที่สิ่งต่างๆในจักรวาลเคลื่อนตัวออกห่างจากกันนั้นย่อมหมายความว่าจักรวาลนั้นมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การศึกษาสังเกตที่มีต่อมาอีกหลายปี ยืนยันได้ว่าจักรวาลแผ่ขยายตัว ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้มีอธิบายอยู่แล้ว ในอัลกุรอานตั้งแต่ยังไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้เลย ทั้งนี้เพราะว่าอัลกุรอานนั้นเป็นคำพูดของเอกองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ผู้ทรงสร้างและบริหารจักรวาล ทั้งมวล



AN-NUR JOURNAL 21

08.00 น. ตับจะทำหน้าที่ขับพิษออกจากร่างกาย ในช่วงนี้ไม่ควรดื่มสุรา
09.00 น. จิตใจ อารมณ์ การทำงานจะดีมากในช่วงนี้
10.00 น. เป็นช่วงที่ร่างกายและสุขภาพจะดีมาก เหมาะที่จะทำงาน
11.00 น. เป็นช่วงที่ขยันขันแข็งในการทำงาน ร่างกายยังไม่อ่อนเพลีย
12.00 น. ช่วงตอนที่จะหยุดงาน ทางที่ดีที่สุดอย่าเพิ่งรับประทานอาหาร ควรจะรอช้ากว่าไปอีกสักหน่อย แล้วทานเอาช่วงเวลาประมาณ 12.30 หรือ 13.00 น. ก็จะดี
13.00 น. ตับจะพักผ่อน เนื่องจากเวลาการทำงานที่ดีได้ผ่านไปแล้ว ร่างกายในช่วงนี้จะเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย
14.00 น. เป็นช่วงระยะเวลาที่ร่างกายรู้สึกอืดอาด เชื่องช้าที่สุดในระยะหนึ่งของแต่ละวัน
15.00 น. ระบบต่างๆ ของร่างกายจะมีปฏิกิริยาที่ไวมาก สมรรถภาพของพละกำลังเริ่มฟื้นฟูขึ้น
16.00 น. ในกระแสเลือด จะมีน้ำตาลเพิ่มขึ้น แต่ก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว
17.00 น. สมรรถภาพในการทำงานจะเพิ่มขึ้น จะเห็นได้จากนักกีฬาที่ออกกำลังกาย จะมีเรี่ยวแรงเพิ่มมากขึ้น
18.00 น. ความรู้สึกต่ออาการเจ็บปวดจะลดน้อยลง ขอให้เพิ่มการออกกำลังกาย
19.00 น. ความดันของเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น อารมณ์จะไม่ค่อยดีนัก มักจะเกิดปากเสียงขึ้นได้ด้วยสาเหตุเล็กๆน้อยๆ
20.00 น. น้ำหนักตัวจะรู้สึกเพิ่มมากขึ้น สะท้อนออกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว

AN-NUR JOURNAL20
[4]การทำงานของร่างกาย

นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้วิจัยและค้นคว้าร่างกายของมนุษย์เราว่า ทำอะไรบ้างในแต่ละชั่วโมง
01.00 น. คนส่วนใหญ่จะนอนหลับ ร่างกายจะมีความรู้สึกไวต่อความเจ็บปวดมาก
02.00 น. นอกจากตับแล้ว ส่วนต่างๆ ของร่างกายจะเคลื่อนไหวช้ามาก
03.00 น. ร่างกายทั้งหมดจะพักผ่อน กล้ามเนื้อจะผ่อนคลาย ความดันจะต่ำ ชีพจรจะเต้นช้า การหายใจก็จะช้า
04.00 น. สมองได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงน้อยมาก ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ตายไปในระยะเวลานี้
05.00 น. ไตจะไม่ทำหน้าที่กรอง เนื่องจากเราได้พักผ่อนมาระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น ในเวลาตื่นนอนอารมณ์จะรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ
06.00 น. ความดันเลือดจะสูงขึ้น หัวใจจะเต้นเร็วขึ้น
07.00 น. ภูมิต้านทานโรคในช่วงนี้จะดีมาก เพราะร่างกายได้พักผ่อนมาแล้ว
AN-NUR JOURNAL 5
สมุนไพรจากคัมภีร์ อัล-กุรอาน และแนวการแพทย์ของท่านนบี[5]
ความมหัศจรรย์ของสมุนไพร จาก"เห็ด"คุณค่าที่ได้รับจากเห็ด
มีรายงานจากท่านซะอีด บุตรของเซดดฺ ว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :
اَلْكَمْأَةُ مِنَ الْمَنِّ وَمَاؤُهَـا شِـفَاءٌ لِلْعَيْنِ
ความว่า “เห็ดนั้นมีสรรพคุณดังอัลมันนฺ ( คือของหวานชนิดหนึ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานแก่บนีอิสรออีล ) และน้ำของมันนั้นสามารถเป็นยาบำบัดโรคเกี่ยวกับสายตาได้ “
(บันทึกโดย อัลบุคอรี 10/137 บทว่าด้วยการแพทย์ และมุสลิม (2049) บทว่าด้วยเรื่อง ความประเสริฐของเห็ด)














AN-NUR JOURNAL 6
เห็ดสามารถรักษาโรคต่างๆได้ดังนี้
1. โรคอัมพาต
2. โรคเส้นเลือดในสมองแตก
3. โรคกระเพาะอาหาร
4. ทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง
5. โรคต่อมลูกหมากโต ทำให้ปัสสาวะคล่อง
6. โรคเกี่ยวกับสายตา เช่นตาแดง, ตาฟาง, ต้อกระจก
7. ทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง
8. เห็ดหอมนั้นมีสรรพคุณลดไขมันในเส้นเลือด
วิธีทำ
1. นำเห็ดมาต้มกับน้ำ ใส่เกลือเล็กน้อย และนำมาดื่มทุกวัน
2. ถ้าหากนำมาประกอบอาหารให้ผสมกับน้ำมันพืช เครื่องเทศต่างๆ ทำให้อาหารนั้นมีคุณค่าสูงต่อร่างกาย
3. นำน้ำของเห็ดผสมกับยาหยอดตา มาหยอดตาสามารถรักษาโรคตาแดงได้
*********************************************************************************
ทับทิม สมุนไพรจากอัล-กุรอาน







AN-NUR JOURNAL 19

๑๒. ไข้หวัดนกเกิดจากเชื้อไวรัสตระกูลเดียวกับเอดส์
๑๓. สบู่ทำมาจากไขมันซึ่งทำปฏิกิริยากับเบส
๑๔. การนอนขนานกับพื้นช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวก
๑๕. คนเป็นโรคเอดส์มักตายเพราะโรคแทรกซ้อน
๑๖. ในผงซักฟอกมีสารพวกฟอสฟอรัสที่พืชน้ำต้องการ
๑๗. คราบน้ำมันที่ผิวน้ำจะทำให้ O2 ไม่ละลายลงในน้ำ
๑๘. บ้านมักจะหันไปในแนวทิศทางที่มีลมพัดผ่าน
๑๙. การทุ่มลูกบอลได้ไกลไม่จำเป็นต้องทำมุม 45 องศา
๒๐. ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองมีคุณค่าทางโปรตีนสูงมาก
๒๑. ปัจจุบันนอกจากมีโด๊ปยาแล้ว ยังมีการโด๊ปยีนด้วย
๒๒. คาร์บอนนาโนทิวแข็งแรงกว่าใยแมงมุม และเพชร
๒๓. โรคกระเพาะเรื้อรังเกิดจากเชื้อแบคทีเรียทนกรดสูง
๒๔. ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการกลายพันธุ์มากที่สุด
๒๕. อากาศอบอ้าวก่อนฝนตกเกิดจากคายความร้อน
๒๖. ฟ้าแลบแต่ไม่มีฟ้าร้อง เกิดจากการสะท้อนกลับหมดของเสียง




AN-NUR JOURNAL 18

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน

๑. รู้ไหมว่านมเปรี้ยวและโยเกิร์ตใช้จุลินทรีย์เพิ่มรสชาติ
๒. เหล้า เบียร์ ไวน์ สาโท ขนมปัง ใช้ยีสต์ในการหมัก
๓. เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว เต้าหู้ยี้ ทำมาจากเชื้อรา
๔. สาร DHA เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสมอง
๕. สารคาร์นีทีนที่พบในผลส้มแขก ช่วยสลายไขมันได้
๖. กรดจากน้ำมะนาวสามารถกำจัดคราบไขมันได้
๗. การแช่อาหารในน้ำมันพืชช่วยป้องกันไม่ให้อาหารเสีย
๘. ผลไม้ ผัก หรือของดอง กิมจิ เกิดจากแบคทีเรีย
๙. การซักผ้าด้วยน้ำอุ่นจะช่วยกำจัดคราบได้ดี
๑๐. โคเอนไซม์ Q10 ช่วยทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น
๑๑. ถ้ากินยาปฏิชีวนะมาก ๆ อาจจะขาดวิตามิน K, B12
AN-NUR JOURNAL 7
ส่วนที่ใช้เป็นยา
เปลือกของผลที่โตเต็มที่ มีรสฝาด
ขนาดและวิธีใช้ ใช้เปลือกผลแห้ง 1 ส่วน 5 หรือ 1 ส่วน
4 ของผล ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆ รับประทาน
ครั้งละ 10-20 มิลลิลิตร วันละ 1-2 ครั้ง
หรือใช้เปลือกผลต้มกับน้ำปูนใส ดื่มแต่น้ำ
การรับประทานเช่นเดียวกับที่ใช้ฝนกับน้ำปูนใส
สรรพคุณ
ใช้สำหรับบรรเทาอาการท้องเสีย การที่เปลือกผลของทับทิมช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้ เพราะว่ามีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารฝาดสมาน
ลักษณะ
เป็นไม้พุ่ม แตกกิ่งก้าน โคนต้นมีกิ่งที่เปลี่ยนไปเป็นหนามยาว แข็ง
ใบ เดี่ยว แผ่นใบแคบ ขอบใบเป็นรูปขอบขนาน ยอดอ่อนเป็นสีแดง ใบออกเป็นคู่ ๆ ตรงข้ามกัน หรือใบออกสลับกัน หรือ ออกเป็นกระจุก 2-3 ใบ
ดอก เดี่ยว กลีบเลี้ยงหนาสีแดง จะคงทนอยู่จนเป็นผล กลีบดอกสีแดง หรือสีเหลืองอ่อน ถ้ากลีบดอกสีแดง ผลเมื่อแก่จัดจะมีเปลือกแดงปนชมพู ปนน้ำตาลเหลือง ถ้ากลีบดอกสีเหลืองอ่อน ผลแก่จัดสีเหลืองปนน้ำตาล
ผล กลมโต แล้วแต่พันธุ์ เปลือกนอกของผลหนาค่อนข้างเหนียว เปลือกด้านในสีเหลือง ภายในมีเมล็ดเป็นจำนวนมาก อัดกันแน่นเต็มเปลือก แต่ละเมล็ดมีเนื้อสีชมพู หรือสีแดงลักษณะใส มีรสหวาน หวานอมเปรี้ยว ผลทับทิมเป็นผลชนิด"Balausta"
ส่วนที่ใช้ เปลือกผลแก่
สารที่สำคัญ เปลือกผลมีสารแทนเนิน
ใช้บำบัดอาการ ท้องเสีย


AN-NUR JOURNAL 8
ขนาดและวิธีการใช้
ใช้เปลือกผลประมาณ 1/4 - 1/3 ผล (กว้างประมาณ 1" ยาว 3 -4" ) ปนกับน้ำปูนใสดื่ม หรือใช้ต้มกับน้ำปูนใส ดื่มแต่น้ำวันละ 2 ครั้ง
• ใช้แก้บิด มีรายงานทางคลินิกจากจีนว่า เปลือกผลทับทิมใช้รักษาบิดชนิดมีตัว และไม่มีตัวได้ผลดี
• ใช้รักษาน้ำกัดเท้า ใช้เปลือกผลฝนกับน้ำสะอาดข้น ๆ ใช้ทาบริเวณที่น้ำกัดเท้า ทาวันละ 4-5 ครั้งจนกว่าจะหาย
น้ำทับทิม
เมล็ดทับทิม 1 ถ้วย
น้ำเชื่อม ¼ ถ้วย
น้ำต้มสุก 1 ถ้วย
เกลือป่น เล็กน้อย
วิธีทำ : เอาเมล็ดทับทิมขยำกับน้ำต้ม ให้เนื้อ หลุดจากเมล็ดมากที่สุด กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่ลงหม้อ ตั้งไฟ 5 นาที ยกลง ใส่น้ำเชื่อม เกลือเล็กน้อย คนให้เข้ากัน และเกลือละลาย ชิมให้ออกเปรี้ยว หวาน และเค็มเล็กน้อย เทใส่ขวดที่ลวกน้ำร้อนแล้ว ปิดฝา น้ำไปแช่ตู้เย็นไว้ จะได้เครื่องดื่มสีชมพู ใสดื่มเย็น ๆ



AN-NUR JOURNAL 17

7.ถ้าคุณปล่อยให้ตัวเองรู้สึกกระหายน้ำ นั่นแสดงว่าคุณอยู่ในภาวะสูญเสียน้ำในร่างกาย หรือร่างกายขาดน้ำ ซึ่งไม่เหมือนกับความรู้สึกหิวข้าว เพราะการกระหายน้ำถือเป็นสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพของคุณ
--------**************-------////////.........*********///////////////////...........
8.เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน(น้ำอัดลม-กาแฟ)มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมและกักเก็บน้ำได้น้อยลง แต่มันจะเป็นตัวเร่งการดูดซึมของร่างกายของเราแทน และจะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น
--------**************-------////////.........*********///////////////////...........
9.การใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการดื่มน้าสักแก้ว ก็จะทำคุณมีความรู้สึกสดชื่นและการทำงานของระบบต่างๆก็จะดีขึ้นไปอีกหลายชั่วโมง
--------**************-------////////.........*********///////////////////...........
10.ถ้าคุณต้องการลดความอ้วน แค่คุณรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและดื่มน้ำที่สะอาดให้มากๆแค่นี้ก็จะช่วยคุณได้แล้ว





AN-NUR JOURNAL 16

1.น้ำเป็นปัจจัยสำคัญอันดับสองในการดำเนินชีวิตรองจากออกซิเจนร่างกายสามารถอยู่ได้เป็นนาทีหากขาดออกซิเจน เป็นวันหากขาดน้ำ และเป็นสัปดาห์หากขาดอาหาร
--------**************-------////////.........*********///////////////////...........
2.ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยน้ำ 60 เปอร์เซ็นต์ โดยเลือดประกอบด้วย 90 เปอร์เซ็นต์ กล้ามเนื้อประกอบด้วยน้ำ 75 เปอร์เซ็นต์ และกระดูกประกอบด้วยน้ำ 25 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นน้ำจึงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของร่างกาย
--------**************-------////////.........*********///////////////////...........
3.สมองมีน้ำหนัก 1 ใน 50 หรือ 2 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว แต่มีการไหลเวียนโลหิตเข้าสู่สมองถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น 1 ใน 5 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการน้ำในร่างกายจึงมาจากสมองเป็นสำคัญ
--------**************-------////////.........*********///////////////////...........
4.สร้างสมดุลและควบคุมการทำงานระบบการทำงานต่างๆในร่างกายเกือบทุกระบบ เช่น ควบคุมอุณหภูมิ การย่อยอาหาร และการขับถ่ายของเสีย คุณจะไม่สามารถขับสารพิษออกจากร่ากายได้ถ้าหากร่างกายของคุณมีน้ำไม่เพียงพอ หรือร่างกายขาดน้ำ
--------**************-------////////.........*********///////////////////...........
5.อาการปวดศีรษะและการอ่อนเพลียส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการสูญเสียน้ำ
ในร่างกาย หรือภาวะการขาดน้ำ
--------**************-------////////.........*********///////////////////...........
6.คุณต้องสูญเสียน้ำในร่างกายจากการขับออกทางเหงื่อ ปัสสาวะและของเสียอื่นๆหรือแม้แต่ในขณะทีคุณหายใจออกก็ตาม
--------**************-------////////.........*********///////////////////..........


AN-NUR JOURNAL 9







ความลี้ลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา[6]
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นอาณาบริเวณส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอ็ตแลนติคภาคตะวันตก พื้นที่ทั้งหมดเริ่มจาก ตอนหนือของเบอร์มิวดาไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดาและจากฟลอริดามุ่งตรงไปทางตะวันออกทำมุมสี่สิบองศากับเส้นรุ้ง ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก จากนั้นก็ย้อนเฉียงกลับไปสู่ทางใต้ตอนเหนือของเบอร์มิวดาอีกซึ่งทำให้อาณาบริเวณแห่งนี้ กลายเป็นรูปสามเหลี่ยมและอาณาบริเวณรูปสามเหลี่ยมแห่งนี้เองที่เป็นแหล่งกำเนิด ปรากฏการณ์ อันลี้ลับ มหัศจรรย์ขึ้น ในยุคอวกาศของเราในปัจจุบัน เป็นสิ่งลึกลับและเหลือเชื่อหากจะบอก ท่านว่า เริ่มตั้งแต่หลังสงครามโลก ครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1945 มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องบินจำนวนกว่า 100 เครื่องและเรือ เดินสมุทร จำนวนอีกมากหลายได้ หายไปในบรรยากาศ และพื้นทะเลของ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้ โดยไม่มีร่องรอย ชีวิต
AN-NUR JOURNAL 10

มนุษย์จำนวนพัน ในระยะเวลา กว่า 20 ปีที่ผ่านมา ได้หายไปพร้อมกับ พาหนะโดยไม่มีซากศพ แม้แต่รายเดียว หรือเศษชิ้นส่วนใด ๆ ของเรือ หรือ เครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น การหายสาบสูญของเรือ เครื่องบิน และชีวิตมนุษย์ ในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยม- เบอร์มิวดา ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ชาติต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้ ต่างก็พยายามดำเนินการค้นคว้า หาสาเหตุ แห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับนี้อย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่มีใคร สามารถบอกสาเหตุ และหาทางป้องกัน จากภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณท้องทะเลแห่งนี้ได้ไม่
เครื่องบินที่หายไปเหนือพื้นทะเลแห่งนี้ส่วนมากก่อนที่จะหายการติดต่อกับฐานปฏิบัติการณ์ หรือสถานีปลายทาง เป็นไปอย่างปกติ และสภาพของบรรยากาศ และทัศนะวิสัย ก็สงบและ แจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุร้ายใด ๆ แต่แล้วเมื่อถึงบทจะหายเครื่องบินเหล่านั้นก็จะหายไป อย่างฉับพลันโดยไม่มีร่องรอย ซึ่งนักบินก็ไม่มีโอกาสที่จะแจ้งข่าวทาง วิทยุให้หน่วยควบคุม การบินทราบได้ แต่ ก็มีเป็นจำนวนมากเหมือนกัน ก่อนที่เครื่องบินจะหายสาบสูญ นักบิน มีเวลา พอที่จะแจ้งข่าวผิดปกติ มายังฐานปฏิบัติการได้ ซึ่งทุกรายต่างก็แจ้งตรงกันทั้งหมดว่า ไม่สามารถควบคุมกลไกต่าง ๆ ให้ดำเนินไปตามปกติได้ เข็มทิศประจำเครื่องจะหมุน ปั่น จะไม่สามารถบอกทิศทางได้ ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีเหลือง และมองดูคล้ายหมอกหนาทีบ ทั้ง ๆ ที่เป็นวันที่บรรยากาศแจ่มใส และแดดส่องจ้าก่อน และท้องทะเลซึ่งเงียบสงบ กลับปั่นป่วน ขึ้นมาโดยไม่อาจจะทราบสาเหตุได้


AN-NUR JOURNAL 15
ดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ[7]








สมองของคนเราประกอบด้วยของเหลวถึง 85 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งถ้าวันใดร่างกายของคุณขาดน้ำ ประสิทธิภาพในการใช้สมอง ใช้ความคิดหรือความสามารถในการทำงานของระบบอื่นๆในร่างกายก็จะลดลงไปด้วย
เดโบลาห์ บอร์ดลี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการส่งเสริมสุขภาพและความสามารถของมนุษย์ แห่งมหาวิทยาลัยโอไฮโอ ในเมือโทเลโด กล่าวว่า”ฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าภาวะสูญเสียน้ำในร่างกายอาจเป็นปัญหาทางโภชนาการอันดับแรกของนักกีฬาและมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นกับคนทั่วๆไป...เราจึงให้ความสำคัญและเอาใจใส่ในทุกๆสิ่งที่เราควรและไม่ควรรับประทาน และนี่ก็คือหลังโภชนาการขั้นพื้นฐานที่เรามักจะมองข้ามกัน “ เราทราบวิธีการดื่มน้ำกันดีอยู่แล้ว ก็แค่อ้าปาก สาเหตุที่ทำให้คุณต้องดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว เพื่อที่จะทำให้สมองและร่างกายของคุณ สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ



AN-NUR JOURNAL 14

รบกวนหรือเป็นแสงเรืองที่เกิดจาก กัมมันตภาพรังสี หรืออาจเป็น การเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาใต้ท้องทะเลกันแน่ และยิ่งกว่านั้น มีเหตุผลพอจะทำให้เชื่อ
ได้ว่า พื้นที่ใต้มหาสมุทรแถวนั้นอาจเป็นที่ตั้งฐาน ใต้น้ำ ของชาวนอกโลก ที่มาศึกษาชีวิตความเป็นไปในโลกของเราก็ได้ และแสงเรือง ที่เกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณให้ยานอวกาศของพวกเขาทราบตำแหน่งที่ตั้งและมองเห็นได้ ชัดเจน ก่อนที่ยานอวกาศจะเข้าสู่บรรยากาศโลก เหตุผลต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ท่านอย่าเพิ่ง เชื่อปักใจ ไปกับอย่างใดอย่าง
หนึ่ง เพราะตราบใดที่เรายังไม่อาจพิสูจน์ได้แน่ชัด ปรากฏการณ์ประหลาดของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาก็ยังเป็นเรื่องลึกลับ ที่มืดมนสำหรับเราอยู่ (อ่านต่อฉบับหน้า)






AN-NUR JOURNAL 11

อุบัติการณ์ ลึกลับที่ไม่อาจให้คำอธิบายได้ เกี่ยวกับการสาบสูญของเรือเดินสมุทร และ เครื่องบินเป็นจำนวนมาก ในดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดายังคงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ขาด จนกระทั่งในปัจจุบัน ทุกครั้งที่ได้รับรายงานการ สูญหาย หน่วยยามฝั่งที่ เจ็ด ของกองทัพเรือสหรัฐ จะทำการค้นหาร่องรอยอย่างละเอียดละออ แต่ก็ประสบความ ล้มเหลว ที่จะพบพยานหลักฐาน ซึ่งจะนำไปสู่การไขปัญหาลึกลับนี้ได้ทุกครั้ง และในที่สุด กองทัพเรือสหรัฐ ก็ได้เก็บเรื่องเหล่านี ้ไว้เป็นความลับ ไม่ยอมเปิดเผยหรือให้คำวิจารณ์ใด ๆ แก่ประชาชน ที่อยากรู้อยากเห็นว่า อุบัติการณ์ ลึกลับเหล่านั้น เกี่ยวข้องกับความอาถรรพ์ของดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาหรือไม่ แต่ทั้ง ๆ ที่กองทัพเรือสหรัฐพยายามจะปกปิด เรื่องราวเหล่านี้ไว้ ประชาชนทั่วไปก็เริ่มรู้ระแคะระคาย ต่าง ๆ และเชื่อว่า จะต้องมี แรงอาถรรพ์ หรือพลังอำนาจอันลึกลับ อย่างหนึ่งอย่างใด ภายในบริเวณ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอย่างแน่นอน และยิ่งปรากฏว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีข่าวรายงานว่า มี นักบิน และนักเดินเรือบางคนได้รอดชีวิตมาจากปรากฏการณ์สยองขวัญ ในดินแดนของ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา จึงทำให้ เกิดการฮือฮากันใหญ่ในขณะนี้ แต่อย่างไรก็ดี จวบจน กระทั่งบัดนี้หาได้มีผู้ใด ที่สามารถให้คำอธิบายแจ่มชัด เกี่ยวกับความลึกลับและ ความอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาได้ไม่ และการสาบสูญ ก็ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป โดยไม่มีทางป้องกันหรือขัดขวางได้
มีผู้ให้ความคิดเห็นและคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป บ้างก็ว่าเนื่องมา จากความปั่นป่วน ของท้องน้ำ ที่เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด จาก
AN-NUR JOURNAL 12

แผ่นดินไหว ใต้มหาสมุทร หรือเกิดจากอุกาบาตเป็นจำนวนมากในบริเวณนั้น ได้พุ่งเข้าชนเครื่องบิน และทำให้เกิดระเบิดขึ้นมา รังควานเป็นครั้งเป็นคราว สำหรับนักวิทยาศาสตร์ ให้คำอธิบาย ที่อาจ เป็นไปได้ว่า เครื่องบินและเรือเหล่านั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปยังอีกมิติหนึ่ง ด้วย การกระทำของสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาสูง เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง อีก ทฤษฏีหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ได้ให้เหตุผลว่า เครื่องบินอาจพุ่งดิ่งลงสู่ทะเล เพราะแรงดึงดูด ของ สนามแม่เหล็ก ไฟฟ้าหรือแรงโน้มถ่วงของโลก ที่เกิดจากฝีมือการกระทำของสิ่งมีชีวิต ที่มีปัญญาสูง เมื่อเครืองบิน นั้นร่อนลงสู่พื้นน้ำนักบินและลูกเรือก็จะถูกจับตัวโดย มนุษย์จากจานบิน (UFO) ที่ถูกควบคุมโดยมนุษย์อีกพวกหนึ่ง ที่ไม่คุ้นเคยกับชาวโลก ซึ่งอาจจะเป็นมนุษย์ที่เหลือรอดมีชีวิต สืบต่อกันมาจากสงครามนิวเคลียร์มหาประลัย ที่เกิดขึ้น ในกาลก่อน หรือเป็นมนุษย์จากอวกาศนอกโลก หรือมนุษย์ในอนาคต ที่ต้องการรวบรวมตัวอย่างการดำรงชีวิตของ ชาวโลก เพื่อการศึกษาค้นคว้า หรือป้องกันภัย ที่จะเกิด จากอาวุธนิวเคลียร์ ในอนาคตอย่างใดอย่างหนึ่ง
มีอยู่หลายกรณีเกี่ยวกับการสืบสวนความลึกลับของเรื่องนี้ ที่เจ้าหน้าที่มุ่งตรงใน ประเด็นซึ่งเกี่ยวกับท้องทะเล โดยเฉพาะเพราะแม้ว่า เราจะอยู่ในสมัยที่กำลังก้าวเข้าสู่ อวกาศก็ตาม แต่ความลึกลับของท้องทะเล ยังคงเป็นสิ่งมืดมน สำหรับพวกชาวโลกอยู่ ก่อน อื่นเราจะต้องรับความจริงที่ว่า 3 ใน 5 ส่วนของพื้นใต้มหาสมุทร เรายังรู้จักกันน้อยกว่า ปล่องภูเขาไฟในดวงจันทร์ หรือพื้นราบบนดาวอังคารเสียอีก เรามีแต่แผนที่ทางทะเล ที่เขียนขึ้นอย่างหยาบ ๆ จากการ สำรวจ

,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,AN-NUR JOURNAL 13

โดยใช้เสียงสะท้อนของโซน่า ใช้เครื่องดำน้ำลึก หรือเรือดำน้ำที่มีเขตจำกัดสำรวจได้เฉพาะพื้นน้ำที่ไม่ลึกนัก เท่านั้น และความประสงค์ ส่วนใหญ่ จะมุ่งเฉพาะการค้นหาแหล่งน้ำมัน และทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้นเอง เรายัง ไม่อาจจะทราบได้ว่า ในส่วนก้นบึ้งที่ลึกที่สุด มีอะไรที่จะสร้างความประหลาดใจ อย่างใหญ่หลวงให้แก่พวกเราบ้าง พื้นทะเลลึกและหุบเหวใต้ท้องทะเล อาจจะเป็นที่อาศัย ของสิ่งมีชีวิตที่มีมันสมองและฉลาดเกินกว่าเราจะคาดคิด ก็เป็นได้
อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจให้แก่โคลัมบัสเมื่อห้าร้อยปีก่อน คือส่วนหนึ่งของ กระแสน้ำอุ่น กัลฟ์ตรีม ที่เรียกกันว่าสายน้ำขาว พื้นน้ำบริเวณนี้จะมองเห็นสุกใส ด้วย แสงเรืองเป็นทางยาว ระยะทางเป็นไมล์ ๆ ใกล้ ๆ กับ บาฮามัส ซึ่งในปัจจุบันแสงเรือง
บนพื้นน้ำเหล่านี้ก็ยังคงปรากฏอยู่การตรวจสอบของนักวิทยาศาสตร์ ก็ยังไม่ทราบแน่ชัด ว่าเกิดการเรืองแสงของจุลินทรีย์ในน้ำที่ถูกฝูงปลา















































[1] คัดลอกจาก www.harunyahya.com
[2] หนังสื่ออ่านสนุก ”เกร็ดน่ารู้เองคู่บ้าน”
[3] คัดลอกจาก www.harunyahya.com
[4] ได้รับการสนับสนุน Web Hosting จาก SPAComputer.com, ThaWang.com
เขียนโดย sciencesamarddeeclub ที่ 12:40 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น

[5] ขอบคุณ www.bloggang.com ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล
[6] คัดลอกจากwww.yahoo.comและwww.google.com
[7] คัดลอกจากหนังสือ”ถอดรหัสอัจฉริยะ”