1

1
2

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552

วารสารเล่มที่...3...











“ความคิด” คือ สาเหตุแรก
“การเชื่อในสิ่งที่คุณกำลังจะ...ทำ” คือ สาเหตุที่สอง
สาเหตุที่สาม คือ “การลงมือ...ทำ” “...ทำในสิ่งที่คุณ ต้องการ จะ...ทำ และรู้อยู่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จ”







ขอขอบคุณห้องคอม ฯ
โรงเรียนสามารดีวิทยา
และอาจารย์ที่ให้คำปรึกษาทุกท่าน


































ชวนคุย

"อัสลามูอาลัยกุมวาเราะฮฺมาตุ้ลลอฮีวาบารอกาตุฮฺ " ขอความสันติสุข แด่พี่น้องชาวนักอ่านทุกคน....ก่อนอื่นก็ต้องขอشكر ต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ)ที่อัลลอฮฺนั้นให้ยังมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ دان ยังให้เราอยู่ในศาสนาที่เที่ยงแท้ คือ ศาสนาالإسلام ( อัล-อิสลาม)...และผมขอสวัสดีพี่น้องนักอ่านที่มีเกียตริที่เคารพรักทุกท่าน สำหรับช่วงนี้ساي มีเรื่องที่จะบอกกล่าวANDพูดคุยและซักถามกับท่านผู้อ่านสักหน่อย……….?
ก่อนอื่นผมต้องขออภัยโทษจากท่านผู้อ่านทุกคน ที่วารสารประจำเดือนธันวาคม ไม่ได้ออกมาให้ท่านผู้อ่านREAD ติดต่อกัน เพราะว่าผมมั่ยว่างCHINGๆ แต่...อินชาอัลลอฮฺต่อไปนี้ผู้อ่านจะได้อ่านวารสารฯ ติดต่อกันทุกเดือนแน่
วาสารเล่มนี้จะเป็นคอลัมน์ของ เกร็ดสุขภาพ -วิทยาศาสตร์การทดลองและความรู้ทั่วปัย สามารถอ่านดั้ยทุกเพศทุกวัยหลังจากที่พี่น้องดายอ่านวารสารฯเล่มที่2กันไปแล้วรู้สึกอย่างรัยบางครับมีเนื้อหาโดนจัยท่านผู้อ่านหมัยครับถ้ามั่ยโดนจัยผู้อ่านสามารถบอกกับทางชมรมฯได้ เพื่อทำให้ทางชมรมฯจะได้ปรับปรุงรสชาติให้อร่อยกว่านี้...ต่อไปนี้ตอนทายสุดของวารสารฯ ทางชมรมฯเปิดจัยให้กับผู้อ่านทุกคนสามารถเขียนเรื่องราวของตนเองในเชิงวิทยาศาสตร์ เรื่องราวของคุณก็จะถูกคัดลงในวารสารเล่มต่อไป ..อินชาอัลลฮฮฺ ทางชมรมฯหวังว่าผู้อ่านคงเขียนกันมาเยอะนะ....อิๆๆๆๆ.........
 LOVE ผู้ READ เพื่อ ALLAH 
ที่ปรึกษา
อ.ยูโซฟ ปาโห๊ะ
มูหัมหมัดรุสดี อัลมะอาริฟีย์
บอกอ
สุวิทย์
สมาชิกอาจารย์
อ.ซอลีฮะห์
อ.ฮามีดะห์

MY FAMILY
อัรฮัม อีแต ศอดิก เซ็งดุยะ มูฮัมหมัด ซายามะ
ม.ลุตฟี เวาะแห ม.ฟัรฮาน มาปะ ม.อาเสม มาปะ
สุวิทย์ สุขแสง ฮัมดี แลฮา ฟุรกอน เวาะแห
มุตตากีน อามิง อัฟฟาน ยี่งอ อัมรี ดือราแม
ซ้อฟวรรณ หะยีอารง นูรูดิง ดารี อิมรอน ดือราแม
ฮาฟิซ หมาดจามัง ม.มัรฎี การี อะฮ์หมัด อาแว
ฮัยตามี เจ๊ะมะ ม.ยัดวี ยูโซะ คอเละ มะสง
อับดุลมุห์เซ็น ยูโซะ มารูวัน ดากอฮา มูฮำหมัด อัซซอมาดีย์
อัฟฟาน โตะดง มูฮัยมี อาแวยี่งอ มุสตากีม เจ๊ะนิ
กฤษดา รำมะสิทธิ์ มัรวัน มะลี
ใครมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ssc.keesongsai@windowslive.com
หรือหาข้อมูลได้ที่ www.ssckeesongsai.blogspot.com
โทร...084-6337285


วัยรุ่น จัย ร้อน An-Nur journal 23
สำหรับ”ตุ๋ย” แล้ว เขาคือน้องใหม่สำหรับวงการของพี่โต เขาได้สมัครเข้ามาเป็นลูกสมุนของพี่โตก็เดือนกว่าแล้ว แต่ยังไม่เคยได้เหยียบน้ำลายของพี่โตเลยสักครั้ง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตำแหน่งของเขา คือท้ายแถวนั้นเอง ตุ๋ยเองก็รู้สึกโมโหตัวเองอยู่เหมือนกันว่า เขาเข้ามาในวงการปาไป3เดือนกกว่าแล้ว แต่ยังไม่ได้เหยียบน้ำลายพี่โตเลยสักครั้งเดียว และตุ๋ยก็มาได้ยินพวกพี่คุยอวดตัวเองกัน ตุ๋ยก็เริ่มไม่พอใจกับตัวเองเป็นอย่างยิ่ง
มีอยู่วันหนึ่ง พี่โตได้จัดงานเลี้ยงขึ้นที่บ้าน และได้เชิญบรรดาเพื่อนๆนักเลงที่เป็นเพื่อนกับพี่โต ที่อยู่ในแคว้นต่างๆมาในงานเลี้ยงด้วย ลูกสมุนของพี่โตแต่ละคนก็จะมีหน้าที่ ที่แตกต่างกันไป บางคนก็คอยเช็ดโต๊ะ บางคนก็ทำอาหาร แต่สำหรับตุ๋ยนั้นเขามีหน้าที่ตักน้ำแข็งเติมให้เต็มอยู่ตลอด และก็คอยเสริฟอาหารไปพรางๆด้วย ในขณะที่ทุกคนกำลังทำงานอย่างแข่งขันนั้น ก็ได้ยินเสียงโครมครามที่โต๊ะอาหารใหญ่ในงานเลี้ยง ลูกน้องทุกคนจึงรีบวิ่งเข้าไปดู ปรากฏว่าเท้าของพี่โตกำลังเหยียบบนอกของใครบางคน
“มึงเป็นใครว่ะ”
“เออ... พี่โตครับ เขาเป็นเด็กใหม่ชื่อ ตุ๋ย ครับ”
“แล้วมึงกล้าดียังไงที่มาถีบปากกูว่ะ”
“ผมไม่ได้ถีบครับ”
“แล้วนี่มันรอยอะไรว๋ะ” พี่โตโชว์ปากตัวเองที่มีรอยรองเท้าให้ดู.
“ก็ผมเห็นพี่โตกำลังจะถุยน้ำลาย ผมกลัวว่าถ้าน้ำลายตกพื้นแล้ว ผมจะไม่ได้เหยียบน้ำลายของพี่โต ครับ”
เพราะความใจร้อนของเขา คอยลุ้น ครับว่า หลังจากนี้ ตุ๋ยจะโดนอะไรอีกบ้าง Bangkok Noi …เขียน






เรื่อง.....................................................................................หน้า

“กินแบบอิสลามกับการสรรค์สร้างสังคมเข้มแข็ง” 1
“กินถั่วเป็นประจำช่วยให้สุขภาพดี” 6
“ (อย.)เตือนน้ำมันทอดซ้ำ อันตรายถึงขั้นมะเร็ง” 8
“มดตัวน้อย ตัวนิด” 10
“อุณหภูมิ” 11
``Moss(มอส)” 12
“เรือนกระจก” 12
“มั่ยอยากจะเชื่อเลย” 13
“นาซ่า ทำลายสถิติ เครื่องบินที่เร็วที่สุดในโลก
(เร็วกว่าเสียงเกือบ 10เท่า)” 15
“LHC (Large Hadron Collider) ไขความลับ
จักรวาลหรือหายนะของมวลมนุษย์” 18
“วัยรุ่น จัย ร้อน” 22

-----------------------------------------------------------------
“กินแบบอิสลามกับการสรรค์สร้างสังคมเข้มแข็ง” An-Nur journal 1
: คอลัมน์ “สุขภาพ”















“กินแบบอิสลามกับการสรรค์สร้างสังคมเข้มแข็ง”
เพื่อนๆรู้ไหมครับว่า “เรื่องกินไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ “ มองกันในแง่วิชาการจะพบว่า การกินเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ วิทยาศาสตร์มองการกินไปที่เรื่องราวของชีวิตที่ใช้สารอาหารเป็นแหล่งสร้างเนื้อเยื่อของร่างกาย มีทั้งเคมี, ชีวภาพ, กายภาพ, เสรีภาพ, เข้ามาเกี่ยวข้อง ทางศิลปศาสตร์มีจิตวิทยา, ศาสนา, ประวัติศาสตร์, เศรษฐศาสตร์ และ
วัยรุ่น จัย ร้อน An-Nur journal 22

:คอลัมน์ “จากเพื่อน to friend”

วัยรุ่น ร้อน

ใสมัยก่อน สมัยที่กรุงเทพฯ ยังเรียกว่า “พระนคร” สมัยนั้นบ้านเมืองจะไม่ค่อยเจริญเท่าไร คนรวยๆก็ไม่ค่อยมี คนใหญ่คนโตก็มีแต่ “พวกนักเลง” นักเลงสมัยนั้นจะอยู่ตามถิ่นของแต่ละแคว้น แต่ละคนจะมีลูกสมุน (ลูกน้อง) จำนวนมากแล้วแต่ความเป็นใหญ่ของแต่ละคน และสำหรับ”พี่โต”แล้ว เขาถือว่าเป็นนักเลงที่ใหญ่พอสมควร เมื่อไรที่”พี่โต”จะไปไหนมาไหน ก็มีแต่คนก้มหัวทำความเคารพให้ แล้วไม่ต้องห่วงเลยว่าในถนนที่พี่โตเดินผ่านนั้นจะเหลือที่ให้คนเดิน สวนทางทุกคนต้องหยุด และหลบเข้าไปตามซอกซอย เพราะในถนนที่พี่โตเดินนั้น จะเต็มไปด้วยลูกสมุนเป็นร้อยๆคอยประกบ ส่วนพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่ข้างถนน พวกเขาจะคอยส่งสินค้าแต่ละอย่างที่ตังเองขายได้ให้ เพื่อเป็นการเอาใจ
นักเลงแต่ละคน สูบยาสูบเป็นชีวิตจิตใจ แต่ยาสูบสมัยนั้นยังไม่มีก้นกรอง บางครั้งจึงมียาเส้น(บากา)หลุดเข้าปากไปบ้างเล็กน้อย จึงเป็นปกติที่จะต้องถุยน้ำลายออกมาบ่อยๆ และไม่ต้อง(ตาญอ)ก็ได้ครับว่า แต่ละคนพอถุยน้ำลายออกมาแล้ว มันทุเรศ...ขนาดไหน บางครั้งมีสะหรีดเหลืองๆเมือกๆหลุดออกมา จนเมื่อไหร่ที่ลูกสมุนเห็นลูกพี่ถุยน้ำลาย ก็ต้องรีบไปเหยียบทันที เพื่อที่จะให้มันแห้งเร็วที่สุด แต่ถ้าลูกสมุนคนไหนได้เหยียบน้ำลายของพี่โตแล้ว ก็จะเอามากุยอวนกันวันหลัง

“LHC (Large Hadron Collider) ไขความลับจักรวาลหรือหายนะของมวลมนุษย์ “An-Nur journal 21

มีความกลัวไปต่างๆนานา ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ที่น่ากลัวคือมันจะสร้าง black hole ขึ้นบนโลก.... ดูดจ๊วบ...
ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าจะเจออะไร หรือไม่เจออะไรเลย
เราอาจจะตายกันหมด หรือตายกันซักค่อนโลก
ยุโรปอาจจะหายไปจากแผนที่โลกเลยก็ได้
อยากทำอะไรก็ทำซะ จะบอกรักใครก็บอกซะ โชคดีคับ











โดย: ZeeOut









“กินแบบอิสลามกับการสรรค์สร้างสังคมเข้มแข็ง” An-Nur journal 2
อีกหลายศาสตร์เข้ามามีส่วนร่วม การก่อกำเนิดพฤติกรรมการกินของมนุษย์ จึงสลับซับซ้อน
คนไทยกล่าวว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่ ในขณะที่ฝรั่งเขาว่า เราเป็นอย่างที่เรากิน หรือ We are what we eat กินอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น หากพิจารณาเฉพาะสองภาษิต
นี้จะพบว่ามิติทางความคิดของฝรั่งต่างจากไทย เพราะในขณะที่ไทยมองเรื่องการกินไปที่เหตุคือการกินเป็นหลัก ฝรั่งกลับมองไปที่ผลหรือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกิน
“อิสลาม”กล่าวถึงเรื่องการกินไว้มากมายหลายโอกาส การกินในอิสลามมีหลากหลายมิติโดยอิสลามมองการกินอย่างรอบด้านมากกว่า อิสลามมิได้สอนให้ตีกรอบการกินไปที่เหตุหรือผลแต่ให้ตีครอบคลุมไปในทุกกิจการ กินอย่างอิสลามมิใช่เพียงสร้างเนื้อหนังมังสาให้แต่เพียงผู้กินแต่ยังช่วยสรรค์สร้างสังคมได้ด้วย
ผมเรียนเรื่องการกินตามแนวทางของฝรั่งมาเนิ่นนานหลายปี ได้ปรึกษาทั้งศาสตร์และศิลป์เห็นว่าฝรั่งพัฒนาสังคมมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่าไทย ทำให้มีมิติแนวคิดในเรื่องการกินที่ซับซ้อนกว่า แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าฝรั่งคิดได้ลึกซึ้งกว่า มาถึงวันนี้ผมใช้เวลาบางส่วนเข้ามาจับเรื่องการกินในมิติของอิสลาม ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งรับรู้จึงกล้าที่จะกล่าวว่า อิสลามมองเรื่องการกินด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าฝรั่ง ที่สำคัญคือมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนและลึกซึ้งกว่า
ผมเรียนโภชนาการของฝรั่งที่สอนเรื่องการกินให้ผู้เรียนรู้ว่ากินอย่างไรให้ผู้กินมีสุขภาพที่ดีรวมถึงมีโภชนาการดี ฝรั่งจึงเน้นนักเน้นหนาในเรื่องการกินอย่างถูกต้อง กินให้อายุยืนให้ปลอดทุกข์โรคภัย ฝรั่งเน้นวิชาการทางโภชนาการไว้แคบ ๆ ตรงจุดนั้น
แต่”อิสลาม”มิได้สอนให้ผู้กินมองไปที่ตนเองแต่กลับให้มองกว้างถึงสังคมและคนรอบข้าง โดยสอนให้มุสลิมรู้จักเลือกกินให้รู้ว่ากินอย่างไรจึงจะได้รับความ

“กินแบบอิสลามกับการสรรค์สร้างสังคมเข้มแข็ง” An-Nur journal 3
โปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้า กินอย่างไรสังคมจึงจะเป็นสุขให้เพื่อนบ้านได้อิ่มและในขณะเดียวกันให้ตนเองมีสุขภาพที่ดี
เพียงเรื่องกินอย่างไม่ฟุ่มเฟือยในหลักการของอิสลามก็สอนให้มุสลิมได้ลึกซึ้งกับเศรษฐศาสตร์ควบคู่ไปกับศาสตร์ทางโภชนาการแล้ว ปัจจุบันโลกยุคเทคโนโลยียอมรับแล้วว่าการกินน้อยให้เหลือเพียงปริมาณหนึ่งในสามตามที่อิสลามสอนจะแก้ปัญหาสุขภาพ แถมด้วยเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งสอนให้คนเราไม่ยึดมั่นกับการกินแต่ให้จุนเจือต่อผู้อื่น คำว่าอาหารหนึ่งคนเพียงพอสำหรับสองคนนั้นสอนให้มุสลิมมองไปที่คนข้างตัว ซึ่งผมเรียนวิชาโภชนาการของฝรั่งมาหลายสิบปีไม่เคยได้รับรู้เรื่องดี ๆ เช่นนี้เลย
“อิสลาม”มิได้สอนให้มองการกินเพียงแค่การกิน มิได้เสนอให้มุสลิมเลือกเฉพาะอาหารที่”หะล้าล” แต่สอนให้พิจารณาอาหารที่”ตอยยิบัน”หรือสร้างประโยชน์ให้กับตนเองและสังคม ด้วยคำว่า”ตอยยิบัน”เป็นทั้งมิติทางโภชนาการ หมายถึงประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นทั้งมิติทางเศรษฐศาสตร์ และศีลธรรมนั่นคือเป็นประโยชน์ต่อสังคมรวมถึงไม่เบียดเบียนคนอื่น และในอีกหลายมิติ หลักการของอิสลามทางด้านโภชนาจึงมิได้จำกัดเฉพาะเรื่องของหะล้าลหะรอม แต่ครอบคลุมมิติที่กว้างและลึกซึ้งกว่านั้นมากมายขอให้เสาะหาให้พบเท่านั้น
ในเนื้อที่สั้น ๆ ของบทความนี้ ผมขออนุญาตสรุปหลักการบริโภคแบบอิสลามด้วยคำไทย 7 ตัวอักษร คือ พ-อ-ส-ม-ค-ว-ร อ่านว่า “พอสมควร” มีความหมายดังต่อไปนี้
พ - คือ “พร” อิสลามสอนให้มุสลิม เริ่มทุกกิจกรรมรวมถึงการกินด้วยการขอพรหรือดุอา มีความหมายถึงการเตาะบะห์ต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) ในทุกลมหายใจ การกินจึงมิใช่เป็นเรื่องกายภาพเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงสายใยที่ล่วงเข้าไปถึงจิตด้วย
อ – คือ “อนามัย” ทั้งเรื่องความสะอาดและความปลอดภัย การกินแบบอิสลามต้องพร้อมด้วยอนามัยแบบอิสลาม ซึ่งใช้คำว่า "ตอฮาเราะห์" ที่มีความหมายกว้างขวางกว่าคำว่าอนามัย หรือ Healthy ในภาษาอังกฤษมากนัก
gjhjhkjk
“LHC (Large Hadron Collider) ไขความลับจักรวาลหรือหายนะของมวลมนุษย์ “An-Nur journal 20

ขนาดเล็กที่อาจ 'กินโลก' หรือทำให้เกิดอนุภาคแปลกๆ ที่เปลี่ยนโลกให้หดกลายเป็นก้อนที่มีความหนาแน่นสูง
ทั้งนี้แม้จะฟังดูประหลาด แต่กรณีนี้ก็เป็นประเด็นเคร่งเครียดที่สร้างความวิตกให้กับนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ กล่าวคือพวกเขาจะประมาณความเสี่ยงจากการทดลองใต้ดินที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนนี้ได้อย่างไร และใครที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะหยุดหรือเดินหน้าการทดลอง
สรุปคือเครื่องเร่งอนุภาค เพื่อจะทำให้ตัว LHC ทำความเร็วไปแตะระดับความเร็วแสง เพื่อทำให้เกิดปรากฎการใหม่ที่มนุษยชาติไม่เคยมีไครทำและทำได้ ถ้าทำได้สำเร็จจริงจะเป็นผลแห่งความรู้ใหม่อันมหาศาลทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์โลก เอาแบบง่ายๆ ถ้าทำสำเร็จจะเป็นพื้นฐานของการทำเครื่อง Time Machine แต่ถ้าสำเร็จจริงผลเสียที่ตามมา ที่มีกลุ่มคนต่อต้านกันอยู่คือ มันเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก การประเมินผลเสียที่เกิดขึ้นเป็นแค่การสมมุติฐานและคำนวนตามทฤษฎีเท่านั้น จึงเป็นไปได้ทั้งสองทางคือ อาจจะเป็นผลที่ดีมาก หรือผลเสียมากต่อมนุษยชาติก็ได้ ดีก็ดีไปแต่ข้อเสียก็คือ การทำให้อะไรสักอย่างบนโลกใบนี้เร็วในระดับไปแตะก้นความเร็วแสงได้จริงมันอาจทำให้เกิดหลุมดำขนาดหนึ่งขึ้นมาได้ และอาจจะดูดกลืนทุกสิ่งบนโลกใบนี้ให้หายไปเลยก็ได้ครับ ทั้งผลร้ายและผลดีนั้น คำนวนตามทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์ทั้งนั้นครับ ซึ่งไม่เคยมีใครมีประสบการณ์ในการทดลองจริงได้สำเร็จ
ไม่ควรมองเป็นเรื่องไกลตัวนะครับ เพราะเรื่องนี้บอกว่าเรามาจากที่ไหนแล้วจะสิ้นสุดตรงไหนอีกอย่างการทดลองจะมีขึ้นเร็วๆนี้
ไม่แน่นะครับถ้าเกิดความผิดพลาดในการทดลองขึ้นจริงๆ เช่นทำให้แม่เหล็กของโลกเหลือขั้วเดียว รึอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่นอกเหนือการคำนวณ เราคงได้สนุกกันแน่ ตอนนี้ชะลอการใช้งานไปอีก 4 เดือนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย เดือนกันยาก็ได้มีลุ้นครับ

klkl
Kl;
“LHC (Large Hadron Collider) ไขความลับจักรวาลหรือหายนะของมวลมนุษย์ “An-Nur journal 19
แล้วเอามาวิ่งชนกัน เพื่อตรวจสอบทฤษฎีทางฟิสิกส์อนุภาคว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะ ซึ่งถ้าสร้างขึ้นมาได้จริงตามทฤษฎี วงการฟิสิกส์จะก้าวหน้าขึ้นไปอีกมาก LHC ตอนนี้กำลังสร้างอยู่และมีกำหนดเปิดใช้งานเดือนพฤษภาคมนี้(2008)
อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่คาใจเรื่องความปลอดภัยของ LHC ในหลายประเด็น เช่นว่า การใช้งาน LHC อาจก่อให้เกิดแบล็คโฮล (หลุมดำ)ขนาดเล็กขึ้นมาทำลายล้างโลก หรือเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กโลกให้เหลือข้างเดียวได้ ล่าสุดได้มีคนยื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐ ให้กระทรวงพลังงานสหรัฐและห้องทดลอง Fermilab ซึ่งเป็นภาคีสมาชิกของ LHC ชะลอการใช้งานไปอีก 4 เดือนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งทางฝ่ายสนับสนุน LHC เองก็ออกมาโต้แย้งว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นแต่อย่างใด ส่วนศาลจะรับฟ้องหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างกระบวนการด้านเอกสาร '
แม้นักฟิสิกส์ทั่วโลกจะใช้เวลาถึง 14 ปีและลงทุนไปกว่า 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสร้างเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) ที่ใหญ่สุดในโลก ภายใต้ความร่วมมือขององค์การศึกษาวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป 'เซิร์น' (Cern) เพื่อเร่งให้อนุภาคโปรตอนชนกัน แล้วสร้างพลังงานและเงื่อนไขที่เหมือนกับเสี้ยววินาทีที่ 1 ในล้านล้านล้านหลังเกิดบิกแบง (Big Bang) โดยนักวิทยาศาสตร์จะวิเคราะห์เศษซากที่เกิดขึ้น เพื่อไขปริศนาธรรมชาติของมวลและแรงใหม่ๆ รวมถึงความสมมาตรของธรรมชาติด้วย
หากแต่วอลเตอร์ แอล.วากเนอร์ (Walter L.Wagner) ผู้อาศัยอยู่ในมลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา และศึกษาวิจัยฟิสิกส์และรังสีคอสมิกที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ (University of California, Berkeley) ทั้งยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยนอร์เธิร์นแคลิฟอร์เนียในซาคราเมนโต (University of Northern California in Sacramento) และลูอิส ซานโช (Luis Sancho) ซึ่งระบุว่าทำวิจัยเกี่ยวกับทฤษฎีเวลาและอาศัยอยู่ในสเปน ได้ฟ้องต่อศาลฮาวายเพื่อเรียกร้องสิทธิให้ระงับการทดลองของเซิร์น เนื่องจากอาจทำให้เกิดหลุมดำ
“กินแบบอิสลามกับการสรรค์สร้างสังคมเข้มแข็ง” An-Nur journal 4
ส – คือ “สงเคราะห์” อิสลามสอนให้คิดถึงสังคม คิดถึงคนรอบข้าง มิใช่คิดถึงแต่ตนเอง อิสลามสอนให้รู้จักกินเพื่อให้คนรอบข้างอิ่ม กินเพื่อให้สังคมเข้มแข็ง อิสลามมีกุศโลบายที่จะทำให้เงินทุกสตางค์ที่จับจ่ายไปกับการกินวนเวียนไม่รู้จบอยู่ในสังคมมุสลิม อันเป็นเศรษฐศาสตร์ที่ลึกซึ้ง มุสลิมได้กุศลผลบุญรวมถึงเศรษฐกิจที่มั่นคงกับการกินของมุสลิมพร้อมกันไปด้วย จึงเสียดายหากเราไม่เข้าใจ ในภาษาอาหรับใช้คำว่า "อิฆอซะห์" ใครที่เรียนรู้ภาษาอาหรับจะเข้าใจว่า สงเคราะห์ในอิสลามนั้นกินความกว้างขวางกว่าของฝรั่งมากเพียงใด
ม – คือ “มัธยัสถ์” ภาษาอาหรับใช้คำว่า "อิกติซอต" อดออมไม่สุรุ่ยสุร่าย เพราะอิสลามรังเกียจความฟุ่มเฟือย อิสลามคัดคานลัทธิบริโภคนิยมที่สอนให้คนบริโภคตามนโยบายตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าเสรีหรือสิ่งอื่น เรื่องของอิกติซอตนี้กล่าวได้ไม่มีวันจบเช่นกัน
ค – คือ “เคร่งครัด” หรือ "ตะดัยยุน" ในภาษาอาหรับ อิสลามสอนให้มุสลิมยึดมั่นในหลักการของตน ไม่วอกแวกไปกับสิ่งยั่วยวนรอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลงใหลไปกับบริโภคนิยม
ว – คือ “วิรัติ” หรือการงดเว้น ในภาษาอาหรับคือ "อิมซ้าก" มีความหมายถึงยกเว้นและยับยั้ง การงดเว้นเรื่องการกินในอิสลามที่สำคัญมีอยู่สองเรื่องได้แก่ งดเว้นการกินการดื่มการเสพเมถุนและอารมณ์ในเดือนรอมฎอน หรือที่เราเรียกว่าซิยัม อีกเรื่องหนึ่งของการยกเว้นคือการงดเว้นสิ่งที่หะรอม เลี่ยงสิ่งที่ซุบฮัตหรือต้องสงสัย
ร – คือ “ร่วมกัน” ในภาษาอาหรับคือ "อิจติมะห์" หรือ "ยะมาอะห์" อิสลามสอนให้ทำทุกกิจกรรมร่วมกันปรึกษาหารือแก้ไขปัญหาร่วมกัน หรือที่เรียกว่า มูเซาวาเราะห์ อิสลามสอนให้รู้ว่าสังคมเข้มแข็งได้ด้วยการทำความดีของคนทุกคนมิใช่เพียงคนเดียว โดยสอนให้ทำความดีต่อสังคมมิใช่ต่อเพียงตนเองและควรทำร่วมกัน



“กินแบบอิสลามกับการสรรค์สร้างสังคมเข้มแข็ง” An-Nur journal 5
สุดท้ายคือคำว่า “พอสมควร” หรือ "เอียะติดาล" นั้นเป็นหลักการสำคัญที่อิสลามสอนให้มุสลิมรู้จักรังสรรค์สังคมให้เข้มแข็งอย่างไม่สุดโต่ง อิสลามจึงมีกุศโลบายมากมายในการสอนวิธีคิด หรือกระบวนทัศน์ให้แก่มุสลิมเพียงเรื่องโภชนาการ และการกินก็เรียนวิธีคิดแบบอิสลามกันได้ไม่รู้จบแล้ว เราจึงต้องคิดทบทวน มองกุศโลบายของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ที่แฝงอยู่ในคำสอนของอิสลามอย่างทะลุปรุโปร่ง มิใช่เพียงมองผ่าน ตัวอย่างการมองผ่านไปไม่ทะลุประโปร่ง เป็นต้นว่าอิสลามกำหนดหะล้าลให้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของมุสลิม สอนให้มุสลิมจับมือกันพิทักษ์สังคมของตนเอง ให้สังคมมุสลิมเป็นมือบนเป็นผู้ให้และเป็นผู้ผลิต แต่ในสังคมทุกวันนี้ทรัพย์สินทางปัญญาเรื่องหะล้าลกลับถูกแบ่งสรรไปให้ผู้คนนอกสังคมมุสลิมเสียสิ้น มุสลิมที่ควรพึ่งพิงกันเองกลับกลายเป็นมือล่างที่คอยรับจากมือผู้อื่น มองที่เรื่องหะล้าลเรื่องเดียวก็พอจะตระหนักได้แล้วว่าเรายังห่างไกลจากความเข้าใจในกุศโลบายอันชาญฉลาดของอิสลามมากนัก











jkjk
“LHC (Large Hadron Collider) ไขความลับจักรวาลหรือหายนะของมวลมนุษย์ “An-Nur journal 18









“LHC (Large Hadron Collider) ไขความลับจักรวาลหรือหายนะของมวลมนุษย์ “

ไม่รู้จะตรงหมวด อ่ะเปล่า เพราะหาหมวดเฉพาะไม่ได้อ่ะ เป็นเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ครับ
เป็นการทดลองที่จะทำการเดินเครื่องเต็มรูปแบบวันที่ 10 กันยายน นี้ครับ เวลาประมาณ 9 โมงเช้าของประเทศเขานั่นล่ะ
เห็นข่าว 3 มิติ ของช่อง 3 เอามาออก และได้รับข้อมูลมานิดหน่อย เลยเอามาแบ่งปันครับ ถ้ามันเกิดเหตุร้ายขึ้นจริงๆ ก็ขอให้คนไทยรักกันครับ
Large Hadron Collider (LHC) เป็นเครื่องเร่งความเร็วอนุภาค ของศูนย์วิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ มีลักษณะเป็นท่อใต้ดินวนเป็นวงกลมยาว 27 กิโลเมตร เป้าหมายของ LHC คือใช้ทดลองเร่งความเร็วอนุภาค
นาซ่า ทำลายสถิติ เครื่องบินที่เร็วที่สุดในโลก (เร็วกว่าเสียงเกือบ 10เท่า) An-Nur journal17

เครื่องยนต์ ramjet จะต่างจากเครื่องบินไอพ่นทั่วไป คือแทนที่จะใช้ใบพัด มันกลับใช้ความเร็วของมันเองในการส่งอากาศเข้าไปในเครื่อง ให้ออกซีเจนได้ทำปฏิกิริยากับเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และในเครื่อง scramjet หรือในกรณีของ X-43A การเผาไหม้เชื้อเพลิงจะเกิดขึ้นเมื่ออากาศถูกดูดเข้าไปด้วยความเร็วกว่าเสียงเท่านั้น หมายความว่า เครื่องจะเริ่มทำงานที่ความเร็ว Mach4 ซึ่งทำให้การทดลองบินจากพื้นแบบปกติเป็นไปไม่ได้
จริงอยู่ว่า จรวดบินได้เร็วกว่า X-43A แน่ แต่มันต้องแบกทั้งไฮโดรเจนและออกซีเจนในเครื่องเอง ซึ่งมีราคาแพงและอาจเป็นอันตรายเกินไปสำหรับเครื่องบินเพื่อการพาณิชย์ทั้งหลาย และมันก็ทำให้บรรทุกสัมภาระได้น้อยลงด้วย นอกจากนี้เมื่อการเผาไหม้เชื้อเพลิงเริ่มขึ้นแล้ว มันก็จะเกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างเต็มกำลัง แต่เครื่องของ X-43A สามารถปรับพลังงานได้ ทำให้มันทำงานใกล้เคียงเครื่องบินทั่วไปมากกว่า และมันก็มีขนาดเบาด้วย เพราะไม่ต้องแบกถังออกซีเจนเอง แต่ใช้ออกซีเจนจากอากาศภายนอก
นักวิศวกรเชื่อว่าในอนาคต scramjet จะสามารถใช้เป็นเครื่องบินเพื่อการค้าที่พาผู้โดยสารเดินทางรอบโลกภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงได้ แต่นั่นคงอาจกินเวลาอีกหลายสิบปี อย่างไรก็ดีในอนาคตอันใกล้นี้ scramjet อาจนำมาปรับใช้ในการขนส่งที่วงโคจรโลกในระดับที่ไม่สูงนักได้ หรือทำเป็นขีปนาวุธ หรือปรับเป็นตัวส่งจรวดไปสู่วงโคจรก็ได้








“กินถั่วเป็นประจำช่วยให้สุขภาพดี” An-Nur journal 6










2“กินถั่วเป็นประจำช่วยให้สุขภาพดี”
เพื่อนๆทราบไหมว่า การเติมถั่วลงไปในอาหาร อาจช่วยให้ผู้บริโภคห่างไกลจากโรคอ้วนลงพุงได้ โดยเฉพาะอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ที่เน้นหนักไปทางผัก ผลไม้ และเนื้อปลา ซึ่งถ้ามีการเติมถั่วลงไปด้วย ก็จะทำให้อาหารที่มีคุณค่าอยู่แล้ว มีประโยชน์มากยิ่งขึ้น
มีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย โรวิรา ไอ เวอร์จิลี ในสเปน ได้ทดสอบเรื่องนี้กับอาสาสมัครกว่า 1,200 คน ซึ่งมีปัญหาเป็นโรคอ้วนลงพุง และมีปัญหาความดันเลือดสูง ระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือดสูงด้วยเช่นกัน
พวกเขาแบ่ง อาสาสมัครออกเป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกจะให้รับประทานอาหารไขมันต่ำ กลุ่มที่สองให้รับประทานอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งจะเต็มไปด้วยผัก ธัญพืช และผลไม้ ทั้งยังจำกัดการรับประทานผลิตภัณฑ์นมและเนื้อแดง แต่จะให้คนกลุ่มนี้ได้รับน้ำมันมะกอก 1 ลิตรต่อสัปดาห์ เพิ่มเข้าไปด้วย
“กินถั่วเป็นประจำช่วยให้สุขภาพดี” An-Nur journal 7

ส่วน กลุ่มที่สามจะให้รับประทานอาหารเมดิเตอร์เรเนียนเช่นกัน แต่จะให้พวกเขาได้กินถั่วหลายชนิดคลุกเคล้ากัน วันละ 300 กรัม ควบคู่ไปด้วย หลังจากนั้น 1 ปี ทางนักวิจัยได้มาประเมินสุขภาพของอาสาสมัครทั้งหมดว่า มีสุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง
ผลปรากฏว่า กลุ่มแรกที่กินเฉพาะอาหารไขมันต่ำ มีอยู่แค่ร้อยละ 2 ที่หายจากการเป็นโรคอ้วนลงพุง ส่วนกลุ่มที่สองที่กินอาหารเมดิเตอร์เรเนียนผสมกับน้ำมันมะกอก มีอยู่ร้อยละ 6.7 ที่ไม่ได้เป็นโรคอ้วนลงพุงอีกต่อไป แต่กลุ่มที่สามที่กินถั่วเป็นประจำผสมอยู่ในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน มีอยู่ถึงร้อยละ 13.7 ที่หายจากโรคดังกล่าว รอบเอวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ระดับความดันเลือดและคอเลสเตอรอลลดลงด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจึงสรุปว่า การกินถั่วเป็นประจำ ผสมกับการรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยผักผลไม้ จะช่วยบรรเทาโรคอ้วนลงพุงได้เป็นอย่างดี และถ้าเป็นถั่วประเภทฮาเซลนัท และอัลมอนด์ ก็จะเห็นผลได้อย่างชัดเจนกว่าถั่วลิสง แต่ต้องรับประทานอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าเป็นถั่วทอดคลุกเกลือ ก็จะไม่ช่วยให้หายจากโรคอ้วนลงพุง แต่จะยิ่งเพิ่มระดับความดันเลือดด้วยซ้ำ.







นาซ่า ทำลายสถิติ เครื่องบินที่เร็วที่สุดในโลก (เร็วกว่าเสียงเกือบ 10เท่า) An-Nur journal 16

เครื่องบิน X-43A ซึ่งเป็น supersonic combustion ramjet (scramjet) ที่ไม่มีนักบินบังคับนี้ มีขนาด 3.7เมตร และเคยทำสถิติการบินไว้ ที่ mach 6.83 หรือเร็วกว่าเสียงเกือบเจ็ดเท่า ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมันสามารถบินโดยใช้เชื้อเพลิงของตัวเองประมาณ 20วินาที
การบินครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การบินเลยทีเดียว และยังเป็นก้าวสำคัญสู่ความเป็นไปได้ในอนาคต สำหรับการขนส่งของที่ใหญ่และหนักไปในอวกาศ อย่างปลอดภัย เชื่อถือได้ และไม่แพง
การบินเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมานี้ ถือเป็นการทดลองบินครั้งที่สาม และครั้งสุดท้ายของโปรแกรม Hyper X ที่มีมูลค่า 230 ล้านเหรียญ ในการทดลองเครื่อง scramjet การทดลองบินครั้งแรกในปี 2001 ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อวิศวกรการบินเสียการควบคุมเครื่อง และทำให้ X-43A ระเบิด แต่การทดลองบินในครั้งที่สอง เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ X-43A สามารถบินได้ที่ Mach 7 ซึ่งแค่นี้ก็เป็นการทำลายสถิติของ SR-71 Blackbird เครื่องบินไอพ่นของกองทัพสหรัฐ ที่บินได้ที่ Mach 3.2
เครื่องบิน B-52B ทำหน้าที่แบก X-43A ซึ่งติดอยู่กับจรวดที่ทำหน้าที่ส่งแรงผลัก (booster rocket) Pegasus ไปจนถึงความสูงที่ 12 km (40,000ft) แล้วหลังจากนั้น pegasus ก็ทำหน้าที่ส่ง X-43A ไปสูง 33.5 km (111,000ft) ที่จุดนี้ มันก็บินด้วยความเร็วประมาณ Mach 9 แล้ว เมื่อbooster rocket หลุดออกไป เครื่องก็เร่งความเร็วโดยใช้เชื้อเพลิงของตัวเองไปที่ Mach 10 และบินไปได้มากกว่า 1,000 km ก่อนที่จะตกลงไปในมหาสมุทร




นาซ่า ทำลายสถิติ เครื่องบินที่เร็วที่สุดในโลก (เร็วกว่าเสียงเกือบ 10เท่า) An-Nur journal 15

: คอลัมน์ “ความรู้ทั่วปัย”













นาซ่า ทำลายสถิติ เครื่องบินที่เร็วที่สุดในโลก
(เร็วกว่าเสียงเกือบ 10เท่า)

นาซ่าได้ทำการทดลองบินเครื่องบินไอพ่น X-43A ซึ่งเป็น supersonic combustion ramjet (scramjet) ด้วยความเร็วมากกว่าเสียงถึงเกือบสิบเท่า หรือประมาณ 11,000 km/h ถือเป็นการทำลายสถิติที่เคยสร้างไว้ ที่ mach 6.83 หรือเร็วกว่าเสียงเกือบเจ็ดเท่า ต้นปีที่ผ่านมา

“ (อย.)เตือนน้ำมันทอดซ้ำ อันตรายถึงขั้นมะเร็ง” An-Nur journal 8













“(อย.)เตือนน้ำมันทอดซ้ำ อันตรายถึงขั้นมะเร็ง”

อย.ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์วิจัยวิทยาลิพิดและไขมัน คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวถึงกรณีการใช้น้ำมันทอดอาหารซ้ำ ๆ หลายครั้ง เช่น กล้วยทอด มันทอด ทอดมัน ปาท่องโก๋ จนถึงอาหารฟาสต์ฟูดประเภทไก่ทอด เฟรนซ์ฟราย แม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมกรอบขบเคี้ยวต่าง ๆ ที่ผลิตในโรงงานอุสาหกรรม ซึ่งอาหารเหล่านี้มักใช้น้ำมันทอดซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง โดยเติมน้ำมันเก่าที่ผ่านการทอดมาแล้ว จนน้ำมันเปลี่ยนสีจากเหลืองใสเป็นสีดำเนื้อค่อนข้างเหนียวข้น และยังนำน้ำมันที่ทอดซ้ำนี้ไปจำหน่ายต่อให้ผู้ค้ารายย่อยอื่น ๆ อีก จากการวิจัย พบว่า น้ำมันเหล่านี้จะมีคุณภาพที่เสื่อมลงทั้งสี กลิ่น รสชาติเปลี่ยนไป จุดเกิดควันลดลง มีความหนืดมากขึ้น ที่สำคัญ จะเกิดสารประกอบที่สามารถสะสมในร่างกาย ซึ่งได้
“ (อย.)เตือนน้ำมันทอดซ้ำ อันตรายถึงขั้นมะเร็ง” An-Nur journal 9

ทดลองในสัตว์แล้ว พบว่า สารบางชนิดในน้ำมันที่เสื่อมคุณภาพจากการทอด เป็นสารก่อมะเร็ง เช่น มะเร็งผิวหนัง ตับ ปอด และมะเร็งเม็ดเลือดขาวในหนูทดลอง และจากการสำรวจโดยเก็บตัวอย่างน้ำมันทอดอาหารจากร้านแผงลอยและรถเข็น ได้แก่ น้ำมันทอดปาท่องโก๋ ทอดเต้าหู้ ทอดไก่ ทอดลูกชิ้น ทอดมัน กล้วยทอดเผือกมันทอด จำนวน 187 ตัวอย่าง และน้ำมันทอดอาหารจากร้านอาหารจานด่วน 64 ตัวอย่าง น้ำมันทอดบะหมี่จากโรงงานอุตสาหกรรมบะหมี่สำเร็จรูป 3 ตัวอย่าง พบน้ำมันที่ทอดซ้ำ เสื่อมคุณภาพ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้น อย. จึงออกกฎหมายห้ามจำหน่ายน้ำมันทอดซ้ำแก่ร้านอาหารหรือผู้ปรุงอาหารอื่น ๆ เพื่อนำไปใช้ต่อเด็ดขาด หากกระทำการฝ่าฝืนถือว่ามีความผิดฐานจำหน่ายอาหารผิดมาตรฐาน มีโทษปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท และผู้ขายอาหารทอดต่าง ๆ ไม่ควรใช้น้ำมันทอดซ้ำ ๆ หลายครั้ง เพราะนอกจากไอควันจากน้ำมันทอดซึ่งเป็นอันตรายต่อตนเองแล้วยังเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคด้วย สำหรับผู้บริโภคควรเลือกซื้ออาหารทอดจากแม่ค้าพ่อค้าที่ทอดด้วยน้ำมันใหม่สีเหลืองใส หากสีดำไม่ควรซื้อมารับประทานเด็ดขาด








“มั่ยอยากจะเชื่อเลย” An-Nur journal 14

ช่วยให้นักเรียนตระหนักถึงผลการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีต่อ อากาศในบริเวณนั้นและต่อโลก ตลอดจนตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
ในการทดลองนี้นักเรียนจะพบว่า ผ้าสีขาวจะมีเขม่าดำเกาะอยู่ เมื่อผ่านไปในที่มีการจราจรหนาแน่นจะพบว่า ผ้าเช็ดหน้าที่เราเช็ดรูจมูกมีสีดำ และถ้าสูดอากาศบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่นเข้าไปแล้ว สารที่มีในอากาศ จะเข้าไปในร่างกายและนานๆเข้าจะมีผลต่อทางเดินลมหายใจ
ไอเสียจากรถยนต์เป็นแหล่งสำคัญแหล่งหนึ่งที่ทำให้อากาศสกปรก พลังงานที่รถใช้ได้จากเชื้อเพลิงในรูปของน้ำมัน ไอเสียที่ออกจากท่อไอเสีย ประกอบด้วย คาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ ไฮโดรคาร์บอน ไนโตรเจน แก๊สเหล่านี้เป็นแก๊สที่มองไม่เห็น รวมทั้งอนุภาคอื่นๆ ทำให้อากาศสกปรก
ในการลดปริมาณสารจากรถที่จะทำให้อากาศสกปรกนั้นวิธีหนึ่งคือ ลดปริมาณการใช้รถลงโดย
1.ใช้วิธีเดินหรือขี่จักรยานแทนการใช้รถ เมื่อต้องเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่ไกลมาก
2.ตรวจเช็คสภาพรถเสมอ
3.ใช้รถประจำทางแทนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์
เป็นต้น








“เรือนกระจก” & “มั่ยอยากจะเชื่อเลย” An-Nur journal 13

จากผลการทดลอง อากาศภายในกล่องที่มีพลาสติกใสปิดไว้มีอุณหภูมิ ิสูงกว่าอากาศภายในกล่องใบที่ 2 ซึ่งไม่มีพลาสติกปิดไว้ แสงอาทิตย์จะทะลุ ุผ่านพลาสติกใสได้ ดินในที่อยู่กล่องและกระดาษข้างกล่องจะดูดกลืนแล้วคาย รังสีอินฟราเรดซึ่งเป็นพลังงานความร้อน โดยไม่ยอมให้ความร้อนออกไปจากกล่อง เพราะมีพลาสติกใสปิดไว้ จึงทำให้อากาศภายในกล่องร้อนขึ้นกว่าอีกกล่องหนึ่ง ปรากฏการณ์เช่นนี้เรียกว่า ปรากฏการณ์เรือนกระจก ในบรรยากาศของโลก ก็เช่นเดียวกัน มีอากาศซึ่งประกอบด้วยแก๊สต่างๆ ห่อหุ้มโลกยอมให้แสงผ่านมา
ยังผิวโลกได้ พื้นผิวโลกดูดกลืนแสงไว้แล้วคายรังสีอินฟราเรดซึ่งเป็นความร้อน ออกมา ไอน้ำ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และแก๊สอื่นอีกบางชนิดดูดกลืนแสงแล้ว คายความร้อนออกมาใกล้ผิวโลก









“มั่ยอยากจะเชื่อเลย”
เพื่อนๆมักได้ข่าวคราวถึงสิ่งที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษอยู่เป็นประจำ กิจกรรมต่อไปนี้เป็นกิจกรรมง่ายๆ เกี่ยวกับไอเสียจากท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์ซึ่งจะ

“มดตัวน้อย ตัวนิด” An-Nur journal 10

: คอลัมน์ “วิทยาศาสตร์การทดลอง”



“มดตัวน้อย ตัวนิด”
เพื่อนๆรู้ไหมว่ามดเป็นสัตว์ที่เด็ก ๆ มักพบเห็นอยู่ทั่วไป การจัดกิจกรรมประกอบ การเรียนการสอนเรื่องสัตว์ โดยใช้มด จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และยังเป็น การฝึกให้นักเรียนสนใจ และสังเกตสิ่งรอบ ๆ ตัวได้ทางหนึ่ง ตลอดจน ฝึกความอดทนในการเฝ้าสังเกตอีกด้วย
เรามักพบมดอยู่ตามที่ต่าง ๆ เสมอ เนื่องจากมดเหล่านี้จะออกหาอาหาร เมื่อพบอาหารก็จะกลับไปบอกเพื่อน ๆ และพากันมาขนอาหาร มดเป็นสัตว์ที่ แข็งแรงมาก สามารถขนอาหารที่หนักกว่าน้ำหนักตัว 50 เท่าได้
มดสามารถสร้างฟีโรโมนซึ่งเป็นสารเคมีจากต่อมที่อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อมดต้องการบอกเส้นทางหรือส่งสัญญาณให้เพื่อน ๆ มดรู้ถึง แหล่งอาหารที่พบ มดจะยื่นส่วนที่สร้างฟีโรโมนออกมาเป็นเงี่ยง แล้วครูดไป ตามพื้นเป็นแนวตามทางที่เดิน พร้อมทั้งปล่อยฟีโรโมนออกมา มดตัวอื่นๆ จะ ดมกลิ่นของฟีโรโมนไปตามทางจนถึงแหล่งอาหาร กลิ่นของฟีโรโมนจะค่อย ๆ จางหายไปในเวลาไม่นาน ทั้งนี้เพื่อมิให้มดสับสนกลิ่นเดิมที่อาจตกค้างอยู่ ทำให้สามารถติดตามกลิ่น


“อุณหภูมิ” An-Nur journal 11






“อุณหภูมิ”
เพื่อนๆคุ้นเคยกับเมล็ดถั่วเขียว บางครั้งและในที่หลายๆแห่งที่เด็กเห็น เมล็ดงอก เด็กบางคนสงสัยว่าเมล็ดงอกได้ทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะหนาว จะร้อน จริงหรือไม่ กิจกรรมต่อไปนี้จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจในเรื่องดังกล่าวได้
จากการทดลองจะเห็นว่าเมล็ดถั่วเขียวจะงอกได้ดีในถ้วยที่วางไว้ในห้อง ส่วนในตู้เย็นไม่งอก สำหรับเมล็ดพืชชนิดอื่นๆแล้วแต่ว่าใช้ชนิดใด ส่วนใหญ่ จะงอกได้ดีในอากาศที่มีอุณหภูมิปกติไม่ต่ำหรือสูงเกินไป เช่น ข้าวโพดจะงอก ได้ระหว่างอุณหภูมิประมาณ 10oC - 40.5oC แต่จะงอกได้ดีที่สุดที่อุณหภูมิ ประมาณ 34oC มะเขือเทศงอกได้ระหว่างอุณหภูมิ 10oC - 34oC และจะงอกได้ดี ที่สุดที่อุณหภูมิประมาณ 21oC ดังนั้นอุณหภูมิจึงมีผลต่อการงอกของเมล็ด








``Moss(มอส)” & “เรือนกระจก” An-Nur journal 12







``Moss(มอส)”
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเกี่ยวกับพืชไร้ดอก ครูอาจใช้ กิจกรรมต่อไปนี้ซึ่งเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับมอส ให้นักเรียนได้สังเกตสิ่งรอบตัว และเกิดความชื่นชมในความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มา
มอสเป็นพืชขนาดเล็กมาก เจริญเติบโตในที่ชุ่มชื้น เราอาจมอสขึ้นบน ก้อนหินได้ ถ้าขึ้นบนก้อนหินจะทำให้ก้อนหินแตกร้าว เมื่อมอสเจริญเติบโต เต็มที่จะมีก้านชูอับสปอร์ ตรงปลายเป็นอับสปอร์ซึ่งจะมีสปอร์อยู่ภายใน เมื่ออับสปอร์แตก สปอร์ภายในจะตกลงบนที่ชื้นและเจริญเติบโตต่อไป



“เรือนกระจก”
ทุกคนคงคุ้นเคยกับคำว่าปรากฏการณ์เรือนกระจก แต่อาจจะ นึกภาพไม่ออกว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร กิจกรรมต่อไปนี้จะช่วยให้นักเรียนมองเห็น ภาพการเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว